xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ปักกิ่งจับ “มาเฟียขอทาน” ขึ้นศาล โทษสูงสุดจำคุก 3 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายหลิว เส้อหุ้ย, นางจาง ซินลี่, นายหลิว ฮุ่ยหมิน และนางหวัง ลี่ แก๊งขอทานตาบอดเล็กๆ ในกรุงปักกิ่งขณะขึ้นศาลวานนี้ (13 ม.ค.)
ASTVผู้จัดการ/ไชน่าเดลี่ - ศาลปักกิ่งเริ่มไต่สวนแก๊งมาเฟียขอทานตาบอด โดยถือเป็นการพิจารณาคดีในลักษณะดังกล่าวครั้งแรกของกรุงปักกิ่งนับตั้งแต่ กฎหมายเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2549 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 3 ปี

วานนี้ (13 ม.ค.) ศาลเขตไห่เตี้ยน กรุงปักกิ่งได้ดำเนินการไต่สวนกลุ่มมาเฟียชายหญิงจำนวน 2 คู่ที่ทำการบีบบังคับ ขู่เข็ญให้ผู้พิการทางสายตาเล่นดนตรีข้างถนนเพื่อขอทาน โดยการพิจารณาคดีดังกล่าวในชั้นศาลถือเป็นคดีแรกของกรุงปักกิ่งนับตั้งแต่ การกระทำในลักษณะดังกล่าวถูกรวมไว้ในความผิดทางกฎหมายอาญาของประเทศจีนที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2549 (ค.ศ.2006)

ตั้งแต่ต้นปี 2552 ถึง 30 เมษายน 2553คู่ชายหญิง 4 คน ประกอบไปด้วย นายหลิว เส้อหุ้ย, นางจาง ซินลี่, นายหลิว ฮุ่ยหมิน และนางหวัง ลี่ ซึ่งมาจากตำบลซ่างไช่ มณฑลเหอหนาน ได้กระทำความผิดร่วมกันโดยการจัดตั้งขอทานตาบอดอย่างน้อย 4 คนให้ออกไปขอทานด้วยวิธีเล่นเอ้อหู (เครื่องดนตรี) ตามริมถนนในกรุงปักกิ่ง

ตามคำบรรยายฟ้องระบุว่า แรกเริ่มเมื่อต้นปี 2552 หลิว เส้อหุ้ยได้เดินทางมาถึงกรุงปักกิ่งพร้อมกับภรรยา จาง ซินลี่ เพื่อเข้าร่วมแก๊งขอทานของพี่ชายหลิว เจี้ยนเส้อ ที่จัดตั้งขึ้นมาก่อนหน้านั้นหลายปี ก่อนที่ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน หลิว ฮุ่ยหมิน น้องชายของหลิว เส้อหุ้ยจึงเดินทางมาสมทบพร้อมกับภรรยา หวัง ลี่

ย่านที่แก๊งนี้จะนำขอทานตาบอดไปทิ้งไว้ประกอบไปด้วย รพ.เป่ยอีซานย่วน, อู่เต้าโข่ว, ห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์และไห่หลงในย่านจงกวานชุน จำนวน 2 คน ซึ่งหวังลี่และจาง ซินลี่จะเป็นคนพาขอทานไป ส่วนหลิว เซ่อหุ้ยและหลิวฮุ่ยหมินเป็นผู้พาขอทานอีก 2 คนไปทิ้งไว้ที่ย่านตลาดค้าของเก่า พานเจียหยวน ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงเวลา 5 ทุ่มทุกวัน โดยแก๊งดังกล่าวจะมีรายได้จากการขอทานราว 80 หยวน (400 บาท) ต่อวันต่อคน

เจ้าหน้าที่รายงานว่า สภาพความเป็นอยู่ของขอทานแก๊งดังกล่าวคือ ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน จะเช่าบ้านราคาประมาณ 600 หยวน (3,000 บาท) ต่อเดือนเพื่ออยู่อาศัย และเก็บตัวขอทานทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อป้องกันขอทานหลบหนีจึงมีการสร้างห้องเล็กๆ ไว้ติดกับเพดาน โดยขอทานแต่ละคนมีพื้นที่ในการนอนหลับพักผ่อนประมาณ 5 ตารางเมตร สามารถนั่งได้แต่ไม่สามารถยืนได้ และหากมีผู้ใดคิดหลบหนีก็มีการลงไม้ลงมือเพื่อสั่งสอน

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2553 ขอทานผู้หนึ่งของแก๊งดังกล่าวได้ถูกตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ พร้อมกับนางหวัง ลี่ ซึ่งเป็นผู้ดูแลขอทานคนดังกล่าว ก่อนที่จะนางหวัง ลี่จะรับสารภาพ จนตำรวจได้ขยายผลเพื่อดำเนินการจับกุมแก๊งดังกล่าวในเวลาต่อมา

“ฉันไม่ต้องการเล่นเอ้อหูวันละ 10 กว่าชั่วโมงเพื่อขอทานหรอก แต่พอฉันเรียกร้องขอกลับบ้านทีไรก็จะถูกเตะเข้าที่หลังทุกที” ขอทานคนหนึ่งเผยกับตำรวจ พร้อมบอกว่าตนเองถูกหลอกให้เดินทางเข้ากรุงปักกิ่ง เพราะแก๊งดังกล่าวสัญญาว่าจะหาเงินให้ก้อนโต

ล่าสุด ศาลจีนยังมิได้มีคำตัดสินบุคคลทั้ง 4 แต่อย่างใด ส่วนผู้พิการทางสายตาทั้งหมดก็ถูกส่งกลับบ้านเกิดในมณฑลเหอหนาน สำหรับคดีดังกล่าวถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาของจีนที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งห้ามมิให้มีการจัดตั้งผู้พิการหรือเยาวชนเพื่อขอทาน โดยบทลงโทษสูงสุดสำหรับการละเมิดกฎหมายดังกล่าวคือจำคุกเป็นเวลา 3 ปี

สภาวะความเหลื่อมล้ำทางรายได้และเศรษฐกิจระหว่างคนจนและคนรวย และสภาวะเงินเฟ้อกำลังเป็นปัญหาที่สำคัญทุกคุกคามเศรษฐกิจจีน โดยเมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมารัฐบาลปักกิ่งได้ประกาศว่าในปี 2554 นี้จะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขึ้นอีกร้อยละ 21 เป็น 1,160 หยวนต่อเดือน (ราว 5,800 บาท) หรือ 6.7 หยวนต่อชั่วโมง (ราว 33.5 บาท)
ขอทานตาบอดกำลังเล่นเอ้อหูในกรุงปักกิ่ง (แฟ้มภาพ)
กำลังโหลดความคิดเห็น