เอเจนซี-สาวจีนถูกรถขุดดินทับดับอนาถระหว่างเข้ามาขัดขวางคนงานก่อสร้างโครงการขุดคลองผันน้ำในอำเภอเจิ้งหยัง มณฑลเหอหนัน สื่อจีนบางกลุ่มยังรายงานว่า กลุ่มเจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ และคนงานสำนักงานชลประทานได้ยืนดูหญิงสาวขณะถูกรถขุดดินทับกันสลอนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว บ้างยืนยิ้มเยาะ
แต่หน่วยงานโฆษณาการจีนประจำอำเภอเจิ้งหยัง โต้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุโดยผู้เสียชีวิตพลัดตกลงไปใต้ล้อรถขุดดิน และเจ้าหน้าที่ก็ได้ช่วยเหลือเต็มที่ในการช่วยชีวิตหญิงผู้เคราะห์ร้าย
เป่ยจิง ยูธ เดลี่รายงาน ผู้เสียชีวิตคือ นางหลี่ ลี่ วัย 38 ปี เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่หลี่ ลี่ และเพื่อนบ้านที่ถูกเวนคืนที่ดินไปทำโครงการขุดคลองฯได้รวมตัวกันมาประท้วงบริเวณโครงการฯในวันจันทร์(3 ม.ค.) ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จากหน่วยพิทักษ์สันติราษฎร์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากก็ถูกระดมมาปกป้องโครงการขุดคลอง
ผู้สื่อข่าวจีนเล่าเหตุการณ์จากภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือว่า เมื่อรถขุดดินเริ่มทำงาน ชาวบ้านที่ถูกไล่ที่เพื่อทำโครงการฯก็เข้ามายืนล้อมรถขุดดิน พลัน ก็มีเสียงร้องตระโกนดังขึ้น “เร็วเข้า รถทับคนตายแน่แล้ว!” จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปช่วยดึงผู้บาดเจ็บขึ้นมา ผู้สื่อข่าวจีนชี้ว่า ขณะนั้นรถขุดดินก็ยังไม่หยุดเดินเครื่อง และคนงานก็ไม่ยอมขยับทำอะไรเพื่อช่วยชีวิตคนอย่างทันการณ์ บางคนถึงกับยิ้มเยาะด้วยซ้ำ
เหตุการณ์ฯดังกล่าวนับเป็นกรณีพิพาทกรรมสิทธิที่ดินระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่มีการเสียเลือดเนื้อเสียชีวิตกรณีล่าสุดในจีน
ในเดือนที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์น่าสงสัยที่อาจเชื่อมโยงกับศึกพิพาทกรรมสิทธิที่ดิน โดยหัวหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งในมณฑลเจ้อเจียงเสียชีวิตจากการถูกรถบรรทุกพุ่งชน ซึ่งเหยื่อเคราะห์ร้ายรายนี้ได้ประท้วงการยึดที่ดินที่หน่วยงานรัฐหนุนหลัง แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกรณีนี้ ก็ได้กระตุ้นความโกรธเกรี้ยวในสังคมออนไลน์จีน ประชาชนต่างโห่ร้องเมื่อเห็นรายงานข่าวการเสียชีวิตของหลี่ในรายการข่าวโทรทัศน์ท้องถิ่น
“ตายหนึ่งคน ผมก็จะรับผิดชอบ ตายสองคนผมก็จะรับผิดชอบ ฆ่ามันให้ตายสัก 8 คน 10 คน ก็จะไม่มีหน้าไหนกล้ามาขวางการทำงานของพวกเราอีก” เป็น คำพูดของเจ้าหน้าที่สำนักงารชลประทาน แซ่ จัง ที่ร้องบอกแก่คนงาน ทั้งนี้ผู้ประท้วงคนหนึ่งได้บอกเล่าคำกล่าวนี้แก่ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์เหอหนัน และโทรทัศน์เหอหนันก็ได้นำมาออกอากาศ
แต่เจ้าหน้าที่สำนักงานชลประทานผู้รับผิดชอบโครงการขุดคลองในเจิ้งหยัง ได้ปฏิเสธว่า ไม่มีใครพูดคำกล่าวที่เลือดเย็นเช่นนี้ก่อนเกิดเหตุเสียชีวิตของหลี่
ขณะนี้ วีดิโอ แสดงภาพของเจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ และคนงานจำนวนมาก ยืนดูหลี่ขณะถูกรถขุดดินทับอยู่ ก็แพร่กระจายตามเว็บไซต์หลายแห่งในจีน
จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ระบุว่าโครงการขุดคลองนี้ เป็นไปเพื่อโยกย้ายเส้นทางน้ำ เตรียมพื้นที่สำหรับโครงการก่อสร้างบ้านใกล้กับตลาด
จาก “สมุดปกน้ำเงินว่าด้วยสังคมจีนปี 2011” จัดทำโดยสถาบันศึกษาสังคมศาสตร์แห่งรัฐจีน (China Academy of Social Sciences -CASS) ระบุว่า กรณีพิพาทกรรมสิทธิที่ดินเป็นปัญหาสังคมที่เปราะบางที่สุดในชนบทจีน กรณีบีบบังคับยึดที่ดินของเจ้าหน้าที่ที่จุดชนวนความวุ่นวาย ได้ขยายวงมากขึ้น
สมุดปกน้ำเงินของCASS ยังระบุอีกว่า “กรณีการต่อสู้เพื่อรักษากรรมสิทธิที่ดิน มีสัดส่วนเป็น 65 เปอร์เซนต์ ของความขัดแย้งของมวลชนในชนบท นับเป็นปัญหาที่รัฐบาลวิตกกลัวมากที่สุด ว่าจะกลายเป็นภัยคุกคามบ่อนทำลายการพัฒนาและเสถียรภาพของประเทศ”
“นับจากปี 2533 เจ้าหน้าที่ได้ยึดที่ดินมากกว่า 6.7 ล้าน เฮกเตอร์ (หรือกว่า 40 ล้านไร่) จากเกษตรกร
“ช่องว่างระหว่างเงินชดเชยทั้งหมดที่จ่ายให้แก่ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดิน และมูลค่าที่ดินในตลาด มีส่วนต่างมากถึง ราว 2 ล้านล้านหยวน (หรือ 294,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ” เป่ยจิง นิวส์ อ้างคำกล่าวของนักวิจัยประจำ CASS นาย อี๋ว์ เจี้ยนหรง