เอเอฟพี-จีนแถลงวันพุธที่ 10 มี.ค. ว่ายอดส่งออกเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 45.7% ต่อปี และเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สาม อีกทั้งยังสูงสุดในรอบ 3 ปี บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยแล้ว ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า อาจทำให้จีนพิจารณาปรับค่าเงินหยวนได้ง่ายขึ้น
สำนักงานศุลการกรจีน แถลงยอดส่งออกในเดือนก.พ. ว่าพุ่งสูงขึ้น 45.7% ต่อปี มีมูลค่า 94.5 พันล้านดอลลาร์ ย้ำการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนธันวาคม
จากตัวเลขการส่งออกของจีน ล่าสุดนี้ได้สะท้อนการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นรุนแรงในสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งเศรษฐกรของธนาคารแห่งอเมริกา-เมอริล ลินช์ กล่าวถึงความคาดหวังว่าจะให้การฟื้นตัวนี้เป็นไปอย่างต่อเนื่องต่อไป ขณะเดียวกัน ด้วยอัตราเติบโตของการส่งออกที่สูงขึ้นนี้ คงกดดันให้จีนพิจารณาเรื่องการปรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ซึ่งอาจมีความเปลี่ยนแปลงภายในกลางปีนี้
จีนคงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนกับเงินดอลลาร์สหรัฐ มาตั้งแต่ กลางปี 2551 ซึ่งเป็นเหตุให้มีปัญหากับคู่ค้าชาติตะวันตก ซึ่งกล่าวหาว่าจีนจงใจตรึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนไว้ที่ระดับเดิมเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เพื่อช่วยให้บริษัทส่งออกของจีนสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
แต่ โจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ได้เผยออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนจะระมัดระวังเรื่องกรอบเวลาการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่วนนโยบายค่าเงินหยวนของจีนซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการฯ ก็เป็นเพียงนโยบายชั่วคราวและอาจจะยกเลิกได้ไม่ช้าก็เร็ว ถ้าหากสภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างมั่นคง
ขณะที่ เหริน เสี่ยนฟาง เศรษฐกรจาก IHS Global Insight ในปักกิ่ง กล่าวว่า ดูเหมือนการฟื้นตัวจะดีขึ้นแล้ว และคงทำให้รัฐบาลจีนมั่นใจที่จะเริ่มทบทวนปรับค่าเงินหยวนได้
บรรดานักวิเคราะห์ยังกล่าวว่า จากตัวเลขล่าสุดนี้ สะท้อนให้เห็นดีมานด์ของสินค้าที่ผลิตในจีนที่มีสูงขึ้น แม้ว่าอัตรานี้จะสูงมากเกินไป เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. ปีที่แล้ว ซึ่งยอดส่งออกตกลง 25.7% จากวิกฤติเศรฐกิจโลก
นักยุทธศาสตร์อาวุโสของธนาคาร Royal Bank of Canada ระบุว่า ยอดส่งออกของจีนในช่วงเดือนม.ค.และก.พ.ในแต่ละปี จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยตามฤดูกาล เนื่องจากวันหยุดเทศกาลตรุษจีนปีนี้ตรงกับเดือนก.พ. บรรดากิจการบริษัทต่างหยุดการทำงานหลายวัน ขณะที่ปี 2552 นั้น เทศกาลตรุษจีนตรงกับเดือนม.ค. และกล่าวว่า เมื่อเทียบเป็นรายปีแล้ว ถือว่าการส่งออกในเดือนก.พ. นี้ มีอัตราเติบโตเร็วที่สุดนับตั้งแต่ ปี 2550
ขณะที่จีนพยายามที่จะลดความคาดหวังกับตัวเลขส่งออกในปีนี้ เฉิน เต้อหมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ว่า จีนอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปีที่จะทำตัวเลขให้ได้เท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก
แต่หม่า จวิ่น เศรษฐกรของ Deutsche Bank กล่าวเมื่อเดือนก.พ. ว่า การคาดการณ์ของเฉินว่าจะใช้เวลา 3 ปี ดูจะมองในแง่ร้ายไปหน่อย โดยเขากล่าวทำนายว่า การส่งออกปีนี้ น่าจะเป็นไปตามเป้า
ทั้งนี้ ตัวเลขที่บอกว่าการฟื้นตัวต่อเนื่องมีมาตั้งแต่เดือนธ.ค.ที่ตัวเลขอยู่ที่ 17.7% ตามด้วย ม.ค. 21% และในเดือนก.พ.ที่จีนกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่แทนเยอรมนี