ฮ่องกง แถลงวันพุธ (24 ก.พ.) ว่าจะเพิ่มชุดมาตรการเพื่อลดความร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ อาทิ เพิ่มการจัดสรรที่อยู่อาศัย และเพิ่มค่าอากรฯ ซื้อขายที่อยู่อาศัยระดับหรู
จอห์น ซัง รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง กล่าวในการแถลงงบประมาณประจำปีว่า รัฐบาลกังวลถึงความร้อนแรงในภาคสินทรัพย์ ซึ่งมีปัจจัยหนุนเสริมจากกองทุนมากกว่า 6.4 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง (8.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ว่าจะมีผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
เขาเสริมว่า ถ้าเงินทุนไหลกลับหรืออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาสินทรัพย์ทั้งหลายจะเปลี่ยนแปลงรุนแรง ซึ่งในทางกลับกันจะทำให้เกิดความผันผวนในระบบการเงินและการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง
เพื่อลดความเสี่ยงในตลาดอสังฯ กระทรวงการคลัง จึงได้ออกมาตรการปรับอัตราอากรสแตมป์ซื้อที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่าเกินกว่า 20 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง จาก 3.75% เป็น 4.25% และให้มีผลบังคับตั้งแต่เดือนเมษายน โดยบรรดาผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเหล่านี้ จะไม่อนุญาตให้ยืดเวลาการชำระหนี้อากรนี้ อีกต่อไป
และมาตรการนี้ ยังสามารถจะขยายออกไปใช้กับสินทรัพย์ที่มีมูลค่ำต่ำกว่านั้น
ซัง กล่าวว่า รัฐบาลจะยังคงพยายามเพิ่มการจัดสรรที่อยู่อาศัย ด้วยแผนประมูลพัฒนาที่อยู่อาศัยในเมือง ในอีกสองปีข้างหน้า ถ้าหากว่าเงื่อนไขของตลาดพร้อม
นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังยังให้คำมั่นว่าจะป้องกันไม่ให้มีการปล่อยวงเกินกู้มากเกินไป โดยจะเรียกร้องให้บรรดาสถาบันการเงินระมัดระวังมากขึ้น ในการประเมินราคาที่อยู่อาศัยและการปล่อยสินเชื่อ
ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ทำให้เกิดสภาพคล่อง ของกระแสเงินทุนในเอเชีย จนดันราคาสินทรัพย์ต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดราคาที่อยู่อาศัยระดับหรู ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา กลับไปสู่จุดสูงสุดสมัยที่ภาคอสังหาริมทรัพย์บูมสุดขีด เมื่อปี 2540
แม้ในจีนแผ่นดินใหญ่เองก็เช่นกัน หลังจากที่ทางการจีนใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการระงับภาษีฯ และลดภาระการชำระหนี้เงินกู้ฯ ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วง 17 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์การเงินบางรายในฮ่องกง ได้ออกมาเตือนว่า ภายใน 6 เดือนข้างหน้า ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงอาจแตกได้อีกรอบ หลังจากราคาที่อยู่อาศัยนับจากต้นปี ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 27.5% โดยเฉลี่ย และ ธนาคารกลางของฮ่องกงก็ได้ประกาศมาตรการป้องกันปัญหาฟองสบู่ในที่อยู่อาศัยระดับหรู เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว โดยกำหนดให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 20 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงขึ้นไป ต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำเพิ่มจาก 30% เป็น 40% และให้สถาบันการเงินระมัดระวังมากขึ้นในการประเมินราคาที่อยู่อาศัยและการปล่อยสินเชื่อ