เอเจนซี่ - สำนักงานปราบปรามคอรัปชั่นแห่งชาติจีนตรวจสอบพบว่าเงินของรัฐ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ถูกเจ้าหน้าที่ยักยอกไปใช้ส่วนตัว นับตั้งแต่กวาดล้างเมื่อเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นมาตรการล่าสุดในการปราบปรามการคอรัปชั่นที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศ
นายเฮ่อ กั๋วเฉียง หัวหน้าคณะกรรมการปราบปรามคอรัปชั่นจีน กล่าวในที่ประชุมเมื่อวันศุกร์(11ธ.ค.)ว่า จากการกวาดล้างได้ตรวจพบคดีทุจริตกว่า 22,000 คดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ยักยอกเงินของรัฐไปใช้ส่วนตัวอย่างผิดกฎหมาย โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์ถูกดำเนินคดีไป 81 ราย และอีกหลายร้อยคนถูกลงโทษทางวินัย
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า นายเฮ่อกล่าวว่า การกวาดล้างควรจะมุ่งเน้นไปที่หน่วยงานในสังกัดของรัฐบาลกลางโดยตรง ซึ่งมีปัญหาดังกล่าวอยู่ในระดับสูง
จีนปราบปรามการคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง โดยการคอรัปชั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความไม่สงบทางสังคม ทั้งนี้การกวาดล้างครั้งใหญ่ในระหว่างปี 2541 ถึง 2549 ตรวจพบการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 140,600 ล้านหยวน หรือ 20,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายเฮ่อ ระบุว่า การยักยอกเงินของรัฐไปใช้ส่วนตัวอย่างผิดกฏหมายเป็นวิธีการคอรัปชั่นที่แพร่หลายที่ตรวจพบในหลายๆคดี โดยในคดีล่าสุดเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ศาลประจำกรุงปักกิ่งตัดสินรอการประหารนักบัญชีของบริษัทผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ในท้องถิ่นของรัฐ หลังจากที่มีความผิดในข้อหายักยอกเงินจำนวน 36 ล้านหยวน
โดยนางอวี๋ เซ่าหลาน ใช้เงินบางส่วนซื้ออพาร์ทเมนต์สามหลัง และยังซุกซ่อนที่เงินที่เหลือไว้ในบัญชีธนาคาร ซึ่งศาลพิพากษาว่า นางอวี๋ วัย 50 ปี สมควรถูกประหารชีวิตเนื่องจากยักยอกเงินจำนวนมาก แต่ก็เลื่อนการประหารชีวิตออกไปหลังจากได้เงินดังกล่าวคืน