จีน-ไต้หวัน ลงนามร่วมเอ็มโอยูในภาคการเงินแล้ว

เอเจนซี-จีนและไต้หวันได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจร่วมกันในภาคการเงินครั้งประวัติศาสตร์ที่เฝ้ารอกันมานาน การลงนามในบันทึกฯ นี้ จะทำให้ธนาคาร สถาบันการเงิน และภาคประกันภัยทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินธุรกิจการเงินระหว่างกันได้ นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องต้องกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ตรวจสอบการเงิน และการบริหารจัดการวิกฤติการณ์อื่นๆ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ภายในสองเดือน

ฌอน เฉิน ประธานของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการเงิน (FSC) กล่าวในการแถลงข่าว ภายหลังการลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน 3 ฉบับ กับประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารของจีน หลิว หมิงคัง ในวันจันทร์ (16 พ.ย.) ซึ่งเห็นพ้องกันในการผ่อนปรนกฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทุนในสถาบันการเงิน โบรกเกอร์ และบริษัทประกันในไต้หวัน ก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนและไต้หวัน ในขอบเขตที่กว้างกว่าต่อไป

สำหรับบรรดานายธนาคารในไต้หวันนั้น ข้อตกลงในบันทึกฯ นี้ดูจะไม่ค่อยสมกับที่อดทนรอนัก เนื่องจากยังขาดรายละเอียด

แดเนียล อู่ ประธาน ไชน่าทรัสต์ ไฟแนนเชียล กล่าวว่า ในบันทึกฯ นี้ สถานะของธนาคารไต้หวัน ยังเทียบไม่ได้กับธนาคารฮ่องกง และธนาคารไต้หวันยังต้องรออีกสองปีหลังจากที่ขยายสาขาไปในจีนเพื่อจะทำธุรกรรมการเงินได้ ตรงข้ามกับธนาคารจีนที่สามารถเข้าถึงตลาดเงินของไต้หวันได้อย่างเต็มที่

ความเห็นของอู่ สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ที่รายงานว่า ข้อตกลงนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่ เช่น ธนาคารไต้หวัน ต้องรออย่างน้อยสองปี จึงจะได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจการเงินในจีน และนักลงทุนจีนจะยังไม่สามารถซื้อกิจการในภาคการเงินของไต้หวันได้ ซึ่งมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวถึงประเด็นนี้ว่ายังไม่มีรายละเอียดชัดเจน

 สืบเนื่องจากข้อตกลงความร่วมมือด้านการเงินที่ยังขาดรายละเอียด ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไต้หวัน ร่วงลงไปร้อยละ 0.8   ตรงข้ามกับทางจีนซึ่งบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China-BOC) ผู้ปล่อยสินเชื่อรายใหญ่อันดับ 3 ของจีน ขอเปิดสาขาในทันที เมื่อบันทึกข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน (MOU) ระหว่างจีนและไต้หวันมีผลบังคับใช้ ขณะที่ธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งจีน (Industrial and Commercial Bank of China-ICBC) ต่างก็เตรียมขยายกิจการในไต้หวันด้วยเช่นกัน หลังจากที่ธนาคารเพื่อการก่อสร้าง (Construction Bank of China-COB) , ธนาคารเพื่อการสื่อสาร เคยเกริ่นฯไปก่อนแล้ว

แดเนียล โรสเซน ผู้บริหารของโรเดียม กรุ๊ป วิเคราะห์ว่า เมื่อมองในด้านเศรษฐกิจแล้ว การทำข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว น่าจะทำให้ไต้หวันเป็นฝ่ายเสียประโยชน์มากกว่าได้

อย่างไรก็ตาม ข้อใหญ่ใจความของบันทึกฯ นี้ คือ การเตรียมการสำหรับการตกลงการค้าเสรีที่กว้างขึ้น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในปีหน้า