笑里藏刀
笑(xiào) อ่านว่า เสี้ยว แปลว่า รอยยิ้ม
里(lǐ) อ่านว่า หลี่ แปลว่า ใน
藏(cáng) อ่านว่า ฉาง แปลว่า ซ่อน หรือสะสม
刀(dāo) อ่านว่า เตา แปลว่า มีด
ในสมัยที่ฮ่องเต้ถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถังรวบรวมแผ่นดิน ขึ้นครองราชย์ มีขุนนางผู้หนึ่ง นามว่า หลี่ อี้ฝุ ซึ่งมีความถนัดจัดเจนในการยกยอปอปั้นประจบประแจงเจ้านาย เขาเป็นที่โปรดปรานของราชโอรสหลี่จื้อเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อหลี่จื้อขึ้นครองราชย์นามว่าฮ่องเต้ถังเกาจง ได้มีพระราชดำริว่าจะให้สนมเจ้า หรือบูเช็คเทียนซึ่งเคยเป็นนางสนมขององค์ฮ่องเต้ถังไท่จง และได้ออกบวชไปเมื่อครั้งถังไท่จงสวรรคตนั้น กลับมารับตำแหน่งเป็นพระมเหสีของตน ซึ่งครั้งนี้มีขุนนางเก่าแก่หลายรายออกโรงคัดค้านเนื่องจากความไม่เหมาะสม แต่ทว่าหลี่ อี้ฝุกลับสนับสนุนฮ่องเต้ถังเกาจงเต็มที่ ตั้งแต่นั้นมา เขาจึงเป็นคนโปรด และได้รับความไว้วางพระทัยจากองค์ฮ่องเต้ยิ่งนัก
การได้เป็นคนใกล้ชิดเบื้องบน ทำให้หลี่ อี้ฝุมีอำนาจล้นพ้นมือ ผู้ใดที่กล้าเป็นปรปักษ์กับเขาต่างก็ถูกกำจัดไปให้พ้นทาง ซึ่งขุนนางทั้งหลายต่างก็รู้พิษสงของเขาดี และเนื่องจากหลี่ อี้ฝุ เป็นบุคคลที่ไม่ว่าจะร้ายกาจเพียงใด แต่บนใบหน้าของเขามักจะประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มหวานละไมเสมอ ทำให้บรรดาขุนนางต่างตั้งฉายาให้เขาว่า "รอยยิ้มซ่อนมีด"
กิตติศัพท์ความร้ายกาจของหลี่ อี้ฝุเป็นที่เลื่องลือ ผู้คนมากมายที่ต้องการรับราชการ ต้องการเข้าวังต่างก็เดินทางมาเพื่อพึ่งใบบุญเขา โดยที่รู้ดีว่าต้องมีสิ่งของเงินทองแลกเปลี่ยน
ครั้งหนึ่งการเรียกค่านายหน้าจากผู้คนเพื่อฝากให้เข้ารับราชการของหลี่ อี้ฝุรู้ถึงพระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้ เขาจึงถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกเนรเทศกลับบ้านนอก
คริสตศักราชที่ 666 หลี อี้ฝุเสียชีวิตลง จากนั้นอีกราว 100 ปี นักกวีนามไป๋ จีว์อี้ ประพันธ์บทกวีเอาไว้ โดยท่อนหนึ่งความว่า
"หลี่ อี้ฝุตลอดชีพคงแย้มยิ้ม ในรอยยิ้มมีคมมีดไว้ฆ่าคน"
ภายหลังคนทั่วไปจึงนำสำนวน "เสี้ยวหลี่ฉางเตา" หรือ "รอยยิ้มซ่อนมีด" มาใช้เปรียบเทียบกับคนที่ภายนอกดูอ่อนหวาน ใจดี แต่ในใจแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม ร้ายกาจ
笑(xiào) อ่านว่า เสี้ยว แปลว่า รอยยิ้ม
里(lǐ) อ่านว่า หลี่ แปลว่า ใน
藏(cáng) อ่านว่า ฉาง แปลว่า ซ่อน หรือสะสม
刀(dāo) อ่านว่า เตา แปลว่า มีด
ในสมัยที่ฮ่องเต้ถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถังรวบรวมแผ่นดิน ขึ้นครองราชย์ มีขุนนางผู้หนึ่ง นามว่า หลี่ อี้ฝุ ซึ่งมีความถนัดจัดเจนในการยกยอปอปั้นประจบประแจงเจ้านาย เขาเป็นที่โปรดปรานของราชโอรสหลี่จื้อเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อหลี่จื้อขึ้นครองราชย์นามว่าฮ่องเต้ถังเกาจง ได้มีพระราชดำริว่าจะให้สนมเจ้า หรือบูเช็คเทียนซึ่งเคยเป็นนางสนมขององค์ฮ่องเต้ถังไท่จง และได้ออกบวชไปเมื่อครั้งถังไท่จงสวรรคตนั้น กลับมารับตำแหน่งเป็นพระมเหสีของตน ซึ่งครั้งนี้มีขุนนางเก่าแก่หลายรายออกโรงคัดค้านเนื่องจากความไม่เหมาะสม แต่ทว่าหลี่ อี้ฝุกลับสนับสนุนฮ่องเต้ถังเกาจงเต็มที่ ตั้งแต่นั้นมา เขาจึงเป็นคนโปรด และได้รับความไว้วางพระทัยจากองค์ฮ่องเต้ยิ่งนัก
การได้เป็นคนใกล้ชิดเบื้องบน ทำให้หลี่ อี้ฝุมีอำนาจล้นพ้นมือ ผู้ใดที่กล้าเป็นปรปักษ์กับเขาต่างก็ถูกกำจัดไปให้พ้นทาง ซึ่งขุนนางทั้งหลายต่างก็รู้พิษสงของเขาดี และเนื่องจากหลี่ อี้ฝุ เป็นบุคคลที่ไม่ว่าจะร้ายกาจเพียงใด แต่บนใบหน้าของเขามักจะประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มหวานละไมเสมอ ทำให้บรรดาขุนนางต่างตั้งฉายาให้เขาว่า "รอยยิ้มซ่อนมีด"
กิตติศัพท์ความร้ายกาจของหลี่ อี้ฝุเป็นที่เลื่องลือ ผู้คนมากมายที่ต้องการรับราชการ ต้องการเข้าวังต่างก็เดินทางมาเพื่อพึ่งใบบุญเขา โดยที่รู้ดีว่าต้องมีสิ่งของเงินทองแลกเปลี่ยน
ครั้งหนึ่งการเรียกค่านายหน้าจากผู้คนเพื่อฝากให้เข้ารับราชการของหลี่ อี้ฝุรู้ถึงพระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้ เขาจึงถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกเนรเทศกลับบ้านนอก
คริสตศักราชที่ 666 หลี อี้ฝุเสียชีวิตลง จากนั้นอีกราว 100 ปี นักกวีนามไป๋ จีว์อี้ ประพันธ์บทกวีเอาไว้ โดยท่อนหนึ่งความว่า
"หลี่ อี้ฝุตลอดชีพคงแย้มยิ้ม ในรอยยิ้มมีคมมีดไว้ฆ่าคน"
ภายหลังคนทั่วไปจึงนำสำนวน "เสี้ยวหลี่ฉางเตา" หรือ "รอยยิ้มซ่อนมีด" มาใช้เปรียบเทียบกับคนที่ภายนอกดูอ่อนหวาน ใจดี แต่ในใจแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม ร้ายกาจ