มะกันหวั่นจีนทำลายแสนยานุภาพในแปซิฟิก

เอเอฟพี – พญาอินทรีสะท้านพญามังกรลับเขี้ยวเล็บทางทหารคมกริบขึ้นทุกวัน หวั่นบ่อนทำลายประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของเรือบรรทุกเครื่องบิน และฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก

นาย โรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมกองทัพอากาศในรัฐแมรี่แลนด์เมื่อวันพุธ (16 ก.ย.2552) โดยเตือนถึงภัยคุกคามใหม่ อันเกิดจากการพัฒนากองทัพจีนให้ทันสมัยว่า ศักยภาพท้าทายสหรัฐฯ ของจีนในลักษณะเครื่องบินขับไล่ต่อเครื่องบินขับไล่ หรือเรือรบต่อเรือรบนั้น เป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ควรวิตกให้น้อยกว่าเรื่องขีดความสามารถของจีนในการขัดขวางความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ อย่างอิสระ และบีบทางเลือกด้านยุทธศาสตร์ให้แคบลง

เจ้ากระทรวงเพ็นตากอนอธิบายว่า การลงทุนของจีนในด้านสงครามไซเบอร์และต่อต้านดาวเทียม, สรรพาวุธต่อต้านอากาศยาน และทางเรือ ตลอดจนการลงทุนพัฒนาขีปนาวุธ สิ่งเหล่านี้สามารถคุกคามการใช้กำลังของสหรัฐฯ และการช่วยเหลือชาติพันธมิตร ในมหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติหน้าที่ของฐานทัพอากาศ และหน่วยโจมตีในแนวหน้า โดยเครื่องบินรบพิสัยไกลจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น ในขณะที่อาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นล่าสุดจะลดประสิทธิภาพของเครื่องบินขับไล่พิสัยใกล้ อีกทั้งมีความเหนือชั้นกว่าในการโจมตีจากระยะไกล

นอกจากนั้น เมื่อจีนและชาติมหาอำนาจเกิดใหม่อื่น ๆ ครอบครองอาวุธยุทโธปกรณ์ และขีปนาวุธ ที่ได้รับการพัฒนาล้ำหน้าทางเทคโนโลยีได้แล้ว ในอีกไม่ช้ากองทัพพญาอินทรีก็จะสูญเสียอำนาจควบคุมในทะเลหลวง,ห้วงอวกาศ และในโลกไซเบอร์ไป

คำเตือนของเกตส์เป็นการตอกย้ำเนื้อหา ซึ่งปรากฏอยู่ใน
“นโยบายว่าด้วยยุทธศาสตร์การข่าวกรองแห่งชาติประจำปี 2552” ซึ่งมีการแถลงก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งวัน

ในเอกสารระบุว่า การพัฒนากองทัพให้ทันสมัยและการดำเนินการทูตของจีน ที่มุ่งด้านทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลักนั้น คือปัจจัย ที่ทำให้จีนเป็น “ปัญหาท้าทายสำหรับโลก”

นอกจากนั้น นโยบายดังกล่าว ซึ่งจะใช้สำหรับช่วง 4 ปีข้างหน้า ยังได้ยกระดับความสำคัญของโลกไซเบอร์ โดยระบุว่า จีนกำลังเคลื่อนไหวในเชิงรุกอย่างมากในโลกไซเบอร์