เอเอฟพี – จีนติดตั้งระบบป้องกันทางคอมพิวเตอร์แก่หน่วยงานรัฐบาลและทหาร หวังใช้ป้องกันการเจาะข้อมูลจากสหรัฐฯ ด้านผู้เชี่ยวชาญเผย ระบบไคลินที่จีนพัฒนาขึ้นมานี้อาจทำให้การเจาะข้อมูลของเมกาเดี้ยงได้ พร้อมเตือนเมกาให้เตรียมรับมือกับสงครามไซเบอร์กับจีนไว้ให้ดี
โดยหนังสือพิมพ์วอชิงตัน ไทมส์ รายงานไว้เมื่อวันอังคาร (12 พ.ค.) ว่า เรื่องการติดตั้งระบบป้องกันทางคอมพิวเตอร์ของทางการจีน หรือที่เรียกว่า “ไคลิน” (Kylin) ได้รับการเปิดเผยระหว่างการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสภาคอมเกรสสหรัฐฯ และยังมีข้อมูลใหม่ที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเตรียมที่จะเข้าร่วมสงครามไซเบอร์กับสหรัฐฯ
นายเควิน โคลแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงจากบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นผู้ที่เคยให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการทบทวนเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ-จีน เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา กล่าวว่า การติดตั้งระบบป้องกันคอมพิวเตอร์ของจีนในครั้งนี้ถือว่ามีนัยสำคัญยิ่ง เพราะมันจะทำให้การเจาะข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ของจีนเป็นไปได้ยากขึ้น
นายโคลแมน ยังได้เปิดเผยกับวอชิงตัน ไทมส์ ว่า ไคลินได้รับการพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 และคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานทหาร และหน่วยงานรัฐบาลจีน ได้เริ่มใช้ระบบนี้เมื่อปี 2550
“การดำเนินการของจีนดังกล่าว จะทำให้ความสามารถในการรุกรานทางไซเบอร์ของเราด้อยประสิทธิภาพลง เพราะอาวุธทางไซเบอร์ที่จีนใช้นั้น ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันระบบปฏิบัติงานยอดนิยม อย่างเช่น ลีนุกซ์ ยูนิกซ์ และวินโดว์”
วอชิงตัน ไทมส์ ยังรายงานด้วยว่า การรุกรานทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ ที่ผ่านมา จะมุ่งเน้นไปที่การเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลและฝ่ายทหารจีนที่ไม่มีการติดตั้งระบบป้องกันเอาไว้ ขณะที่นายโคลแมน กล่าวว่า รัฐบาลจีนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็กำลังหาทางเจาะข้อมูลของสหรัฐฯ เช่นกัน โดยดำเนินการผ่านหน่วยงานของรัฐบาล ผู้รับเหมา และเครือข่ายอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์
นายโคลแมน กล่าวอีกว่า ทางการจีนได้พัฒนาระบบป้องกันตัวประมวลผลกลาง หรือไมโครโปรเซสเซอร์ เพื่อจะทำให้การเข้าถึงระบบของแฮคเกอร์ หรือซอฟแวร์อัตโนมัติ เป็นไปได้ยากขึ้น “ถ้าคุณใส่ไมโครชิพที่เจาะได้ยาก เข้าไปในระบบป้องกันที่ดี ก็จะยิ่งทำให้โครงสร้างของระบบป้องกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
นายโคลแมนยังเห็นว่า ในสงครามไซเบอร์ด้านการทหารนั้น จีนมีความสามารถเทียบเท่ากับสหรัฐฯ และรัสเซีย โดยบอกว่า “มันเป็นม้าสามตัวที่กำลังแข่งกันเข้าเส้นชัย สุดท้ายม้าทุกตัวก็เข้าเส้นชัยพร้อมกัน”
เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมาธิการทบทวนเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ-จีน ได้ออกโรงเตือนว่า จีนกำลังพัฒนาโปรแกรมที่ซับซ้อมเพื่อทำสงครามไซเบอร์ และยังพัฒนาขีดความสามารถในการเจาะฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลลับ
อย่างไรก็ตาม ทางการจีนก็ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของคณะกรรมาธิการฯ และยังเมินเฉยต่อรายงานที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์จากสหรัฐฯ ที่ระบุว่า แฮคเกอร์ชาวจีนคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของโครงการ Joint Strike Fighter ซึ่งเป็นของเพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐ