ผกก.จีนแห่สร้าง “หนังย้อนยุค” หนีกรรไกรเซนเซอร์

เอเอฟพี – ผู้สร้างภาพยนตร์จีนแก้ปัญหาหนังผ่านกรรไกรเซนเซอร์กบว.ยาก หันมาสร้างหนังสะท้อนสังคมโดยถ่ายทอดเป็นแนวย้อนยุคแทนแนวร่วมสมัย ตามที่เหอ ผิง ผู้กำกับหนังเรื่อง “Wheat” ให้สัมภาษณ์ในระหว่างร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองโตรอนโตเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 ก.ย.)

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ชาวจีนหาทางหลีกเลี่ยงการแบนของรัฐบาล โดยใช้บทกวีหรือวรรณกรรมโบราณเข้ามาเปรียบเปรยสถานการณ์ในยุคปัจจุบัน เช่นเดียวกับภาพยนตร์ล้อเลียนสังคมของ เหอ ผิง ซึ่งประเดิมฉายนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรกที่งานเทศกาลครั้งนี้ โดยภาพยนตร์กล่าวถึงเหตุการณ์ในยุคจั้นกั๋ว (ก่อนคริสตศักราช 476 ปี) จนกระทั่งถึงยุครวมแผ่นดินในช่วงสมัยราชวงศ์ฉินเมื่อช่วงก่อนคริสตศักราช 221 ปี

เนื้อหาพูดถึงการดิ้นรนมีชีวิตรอดของเหล่าสตรี เมื่อบุรุษต้องออกไปทำศึก รวมถึงหนทางที่จะทำให้พวกเธอใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เพราะเชื่อในคำหลอกลวงว่าสักวันสามีและลูกชายจะกลับมา

เป็นเรื่องง่ายถ้าจะสร้างหนังโดยมีฉากเป็นยุคปัจจุบัน แต่เหอกล่าวว่า “ถ้าคุณบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ในรูปแบบหนังร่วมสมัยล่ะก็ มันจะกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวขึ้นมาทันที และจะไม่ผ่านเซนเซอร์”

เช่นเดียวกับ ภาพยนตร์เรื่อง “The Warrior and the Wolf” ของผู้กำกับเถียน จวงจวง ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของนักประพันธ์ชาวญี่ปุ่น ยาสุชิ อิโนอุเอะ ซึ่งย้อนเรื่องราวกลับไปในยุคจั้นกั๋วเช่นกัน ขณะที่ผู้กำกับลู่ ชวน ก็สร้างหนังเรื่อง “City of Life and Death” ซึ่งมีเนื้อหาย้อนไปเกือบ 80 ปี เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของการสังหารหมู่ชาวจีนที่เหี้ยมโหดโดยกองทัพญี่ปุ่นที่เมืองนานกิงในช่วงปี 1937

โดยภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้ก็ได้รับเกียรติให้ฉายในงานเทศกาลหนังโตรอนโตสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน

เหอ ผิง ผู้กำกับเรื่อง “Wheat” แสดงความเห็นอย่างระมัดระวังว่า เป้าหมายของเขาในการสร้างหนังเรื่องนี้อยู่ที่สังคมจีน ไม่ใช่คิดโจมตีการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ “จีนก้าวหน้าไปจากอดีตมาก แต่ก็ยังมีความจริงอีกมากที่ยังถูกปิดบัง”

“ปัจจุบันชาวจีนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้นกว่าช่วงเวลาใดๆ ในประวัติศาสตร์ แต่พวกเขาก็ยังมีชีวิตอยู่บนความหลอกลวง” เหอกล่าว โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์อุบัติเหตุเหมืองถ่านหินถล่มที่เลวร้าย และนมปนเปื้อนสารเมลามีน ซึ่งประชาชนมักจะทราบเรื่องราวก็ต่อเมื่อ “โศกนาฎกรรมได้เกิดขึ้นแล้ว” พร้อมเสริมว่า เขารู้สึกกลัวว่าจะยังมีความเลวร้ายยิ่งกว่านี้ซ่อนเร้นอยู่