ไชน่าเดลี่ – พญามังกรคลายกลุ้ม หลังจากมาตรการสร้างงานมากมาย ซึ่งกระหน่ำลงสู่ประชาชนทุกภาคส่วนเริ่มเห็นผล จนมั่นใจว่า การประท้วงก่อเหตุวุ่นวายในสังคมจากปัญหาการว่างงานจะเป็นแค่เรื่องในอดีตเท่านั้น
“ผมเชื่อมั่นว่ามาตรการของรัฐบาลกลางในขณะนี้จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวายในสังคมได้อีก” นายอิน เหว่ยหมิน รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และความมั่นคงสังคมระบุเมื่อวันพุธ (9 ก.ย.2552)
นายอินกล่าวว่า ยังไม่ปรากฏการเดินขบวนประท้วง หรือก่อเหตุจลาจล อันเนื่องมาจากการว่างงานในปีนี้ ซึ่งจีนมีการสร้างงานใหม่ถึง 7 ล้าน 5 แสน 7หมื่นตำแหน่ง หรือราวร้อยละ 84 ของการตั้งเป้าต่อปี
อีกทั้งอัตราการว่างงานในเมืองตามที่จดทะเบียนก็อยู่ที่ร้อยละ 4.3 เท่านั้น และตัวเลขดังกล่าวนิ่งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
กระนั้นก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแย้งว่า อัตราการว่างงานในเมืองที่ดูดี เป็นเพราะมิได้รวมพวกแรงงานอพยพเข้าไว้ด้วย และแรงงานของจีนเป็นส่วนที่ได้รับความเดือดร้อนหนักที่สุดจากวิกฤตการเงินโลก
จากข้อมูลรัฐบาลระบุว่า แรงงานอพยพร้อยละ 95 มีงานทำในเดือนสิงหาคม ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เดียวกับปีก่อน ขณะที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ยังเกิดการขาดแคลนแรงงานในเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจปากแม่น้ำแยงซี และจูเจียง ซึ่งตอกย้ำชัดเจนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของพญามังกร
อย่างไรก็ตาม นายอินยอมรับว่า สถานการณ์การว่างงานโดยรวมยังคง“รุนแรง” เมื่อดูจากนักศึกษา ที่จบใหม่จำนวน 6 ล้าน 1 แสน 1 หมื่นคน กว่าร้อยละ30 ยังคงว่างงานในเดือนกรกฎาคม
นอกจากนั้น จีนยังมีคนว่างงานหนุ่มสาวอีกกว่า 7 ล้านคน ที่กำลังมองหางานอยู่ ขณะที่คนงาน ซึ่งถูกลอยแพเมื่อเร็ว ๆ นี้ จำนวน 5 ล้านคน ยังคงว่างงานราวร้อยละ 30 ในเดือนสิงหาคม
ด้านนายเฉิน อี๋ว์ ผู้อำนวยการสถาบันจีนเพื่อการวิจัยอาชีพการงานของมหาวิทยาลัยปักกิ่งชื่นชมว่า จากมาตรการในปัจจุบันของรัฐบาล ทำให้การว่างงานอาจเป็นสาเหตุสุดท้ายของการก่อความไม่สงบในสังคม
รัฐบาลจีนยังให้คำมั่นเร่งดำเนินการอุดช่องว่างระหว่างคนเมืองกับชนบท ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมได้ โดยรัฐบาลกำลังพยายามปรับปรุงระบบสวัสดิการสังคม, ระบบการดูแลสุขภาพ และเงินบำนาญ
ทั้งนี้ โครงการเงินบำนาญสำหรับประชาชนในชนบท ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง ที่เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนสิงหาคม รัฐจะให้เงินช่วยเหลือประจำเดือนแก่ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยจะขยายโครงการไปทั่วประเทศภายในปี 2563
นอกจากนั้น รัฐบาลกำลังพยายามอุดช่องว่างรายได้ระหว่างคนในเมืองกับชนบท และยังมีแผนกำหนดเพดานเงินเดือน ที่สูงปรี๊ดของบรรดาผู้บริหารในรัฐวิสาหกิจ โดยการพิจารณาอัตราการขึ้นเงินเดือนผู้บริหาร ยังต้องสอดคล้องกับอัตราของพนักงานทั่วไปอีกด้วย