เอเอฟพี-ขณะที่อุตสาหกรรมค้าจิงโจ้แห่งแดนจิงโจ้กำลังจีบจีน นำเข้าเนื้อจิงโจ้ไปสวาปาม นักอนุรักษ์ตระกูลดัง “เออร์วิน” (Irwin) ก็ออกโรงวิงวอนจีน “อย่านำเข้าเนื้อจิงโจ้เล้ย” หากจีนติดใจเนื้อจิงโจ้ขึ้นมา จิงโจ้อาจถูกล่าจนหมดป่า
บ็อบ เออร์วิน เป็นพ่อของนักอนุรักษ์ชื่อดังคือ สตีฟ เออร์วิน นักล่าจระเข้าผู้โดนเงี่ยงปลากระเบนชนิดหนึ่งแทงทะลุหัวใจเสียชีวิตระหว่างถ่ายทำสารคดีชีวิตในทะเลเมื่อปี 2549 บ็อบพยายามอาศัยชื่อเสียงนักอนุรักษ์ของบุตรชายรณรงค์ห้ามการกินเนื้อจิงโจ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวตลาดใหญ่ขนาด 1,300 ล้านคนแห่งแดนมังกร
“เรายังไม่กินเนื้อแพนด้ายักษ์กันเลย เพราะฉะนั้น โปรดอย่ากินเนื้อจิงโจ้ของเรา พวกคุณมาดูพวกเขาสิ” เออร์วินผู้พ่อวอนพร้อมชี้ว่าจิงโจ้มีคุณค่ามากกว่าแล่เนื้อไปกิน พวกเขาเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีทีเดียว
“ชาวจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของออสเตรเลีย และพวกเขาก็ชอบมาดูจิงโจ้มาก หากชาวจีนเริ่มลองชิมเนื้อจิงโจ้กันแล้ว คาดว่าใน 2-3 ปี ก็คงไม่มีจิงโจ้แม้ตัวเดียวหลงเหลือในป่าของเรา” เออร์วินกล่าว
ขณะนี้สมาคมอุตหสากรรมจิงโจ้แห่งออสเตรเลีย ชวดส่งออกจิงโจ้ไปยังตลาดส่งออกใหญ่แห่งรัสเซีย เนื่องจากพญาหมีขาวเกิดวิตกเรื่องสุขอนามัยในการบริโภคเนื้อจิงโจ้ จึงออกกฎห้ามเนื้อจิงโจ้นับจากวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา “สมาคมขายเนื้อจิงโจ้” จึงหันมาจีบจีนนำเข้าจิงโจ้ไปลิ้มลอง จอห์น เคลลี่ ผู้อำนวยการใหญ่ของสมาคมฯ เผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า ทางสมาคมฯคาดว่าการส่งออกจิงโจ้ไปยังจีน จะเริ่มได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า
“จิงโจ้เป็นสัตว์ตั้งท้องนานออกลูกช้าและขณะนี้จำนวนประชากรก็น้อยอย่างน่าวิตก ดังนั้น พวกเรารู้สึกกลัวสยดสยองมากว่า อะไรจะเกิดขึ้นหากจีนเปิดประตูรับจิงโจ้” Nikki Sutterby ผู้ประสานงานแห่งสมาคมเพื่อการอนุรักษ์จิงโจ้แห่งออสเตรเลีย (Australia Society for Kangaroos) กล่าว