เอเจนซี-กลุ่มชาติมุสลิมหลายชาติปิดปากเงียบเกี่ยวกับจลาจลระหว่างเชื้อชาติจีนฮั่นและมุสลิมอุยกูร์ในอูหลู่มู่ฉี ชี้เหตุเพราะกลัวสะเทือนผลประโยชน์ทางการค้า
โลกมุสลิมดูมีความกลมเกลียวกันอย่างเหนียวแน่น แต่ในกรณีจลาจลจีนฮั่นและมุสลิมอุยกูร์ในอูหลู่มู่ฉี เมืองเออกของเขตปกครองตัวเองชนชาติอุยกูร์มณฑลซินเจียง หลายชาติทั้งกลุ่มตะวันออกกลางและโลกอาหรับกลับไม่ค่อยแสดงปฏิกิริยาว่าอะไรจีน มีมุสลิมไม่กี่ชาติที่ออกโรงวิพากษ์วิจารณ์ อิหร่านและตุรกี เป็นชาติที่ไม่ใช่อาหรับที่ออกหน้าสะกิดจีน
“กลุ่มชาติอาหรับไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์จีนเรื่องโจมตีมุสลิมในซินเจียงเนื่องจากพวกเขาเองก็ไม่มีประชาธิปไตยในระบอบการปกครองของตนนัก ซึ่งต่างมีสภาพไม่ต่างจากจีน” Labib Kamhawi นักวิเคราะห์การเมืองชาวจอร์แดนชี้
ขณะนี้จีนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของกลุ่มชาติอาหรับหลายชาติรวมทั้งในซูดาน ซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มชาติรอบอ่าวที่ร่ำรวยน้ำมัน
อิหร่านเป็นหนึ่งในไม่กี่ชาติมุสลิมที่พูดถึงการปราบปรามจลาจลในซินเจียง โดยในวันอาทิตย์(12 ก.ค.) สำนักข่าว IRNA รายงานว่ารัฐมนตรีว่าการต่างประเทศแห่งอิหร่าน Manouchehr Mottaki โทรศัพท์ถกเถียงการปะทะทางเชื้อชาติกับรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศจีน และกล่าวถึง “ความวิตกในกลุ่มชาติอิสลาม”
ขณะที่กลุ่มศาสนาประณามการปราบปรามว่าความเงียบและความไม่ใส่ใจการกดขี่ในซินเจียงเป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัย อย่างไรก็ตาม อิหร่านก็มีชนักติดหลังเช่นกันโดยเหล่าประชาคมโลกทั้งรัฐบาลในชาติตะวันตกและองค์กรสิทธิมนุษย์ชนเพิ่งออกโรงประณามรัฐบาลกรณีปราบปรามกลุ่มประท้วงในศึกพิพาทการเลือกเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.
ตุรกีเป็นชาติที่โต้ตอบการปราบจลาจลในซินเจียงอย่างแข็งขันที่สุด โดยมีกลุ่มประท้วง 5,000 คน เดินขบวนในอิสตันบูล ประณามความรุนแรงเชื้อชาติ และเรียกร้องให้รัฐบาลแทรกแซง
กลุ่มผู้นำตุรกีออกมาโต้ตอบจีนหลังจลาจล ได้แก่ Recep Tayyip Erdogan นายกรัฐมนตรีตุรกีเปรียบสถานการณ์ในซินเจียงถึงระดับฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศส่งสารแสดงความวิตกไปยังจีน และรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรมก็ออกโรงเรียกร้องชาวตุรกีหยุดซื้อสินค้าจีน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ไม่มีแผนบอยคอตจีนอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้หลังจากเกิดจลาจลในอูหลู่มู่ฉีที่มีผู้เสียชีวิตร่วม 200 คน บาดเจ็บเกือบ 2,000 คน ผู้นำจีนก็ระดมกองกำลังทั้งตำรวจปราบจลาจลและทหารนับหมื่นพร้อมพาหนะติดอาวุธเข้าควบคุมสถานการณ์ในเมือง
ชาวอุยกูร์ซึ่งมีจำนวนราว 9 ล้านคน เกือบครึ่งของประชากรในซินเจียง ไม่พอใจการสนับสนุนชาวจีนฮั่นเข้ามายังดินแดน ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังจำกัดการปฏิบัติทางศาสนา กลืนภาษาและวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์ อีกทั้งการเลือกปฏิบัติที่ทำให้ชาวอุยกูร์ดูกลายเป็นพลเมือง