xs
xsm
sm
md
lg

เผยชีวิตอุยกูร์ในซินเจียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เด็กน้อยชาวอุยกูร์มองบรรยากาศที่ถนนหน้าบ้านในอูหลู่มู่ฉีวันที่ 12 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่สถานการณ์ดูสงบลงหลังเกิดจลาจลนองเลือดระหว่างชุมชนจีนฮั่นและอุยกูร์ในเมือง ที่มีผู้เสียชีวิต 184 คน บาดเจ็บ 1,680 คน-เอเอฟพี
เอเจนซี--ความล้มเหลวในการแบ่งปันความมั่งคั่ง ท่ามกลางความไม่เข้าใจทางวัฒนธรรม และความแค้นเคืองทางประวัติศาสตร์ บ่มเพาะความโกรธแค้นฝังลึกลงกลางใจของชนชาติส่วนน้อยอุยกูร์บนแผ่นดินจีน

ทว่า ความหวังที่ชาวจีนฮั่นและอุยกูร์จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขร่วมเสพสุขจากความรุ่งโรจน์ในดินแดนที่อุดมด้วยน้ำมันอันกว้างใหญ่ของพวกเขานั้นยิ่งดูริบหรี่

จลาจลที่ระเบิดขึ้นในอูหลู่มู่ฉีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม มีผู้เสียชีวิตร่วม 200 คน ระหว่างการปะทะในวันเดียว สะท้อนเป็นอย่างดีถึงวิกฤตระหว่างเชื้อชาติในเขตปกครองตัวเองอุยกูร์มณฑลซินเจียง

อุยกูร์ชนชาติที่พูดภาษาเตอร์กิค ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม เคยประกาศรัฐเอกราชและปกครองตัวเองด้วยความสุขในชั่วเวลาสั้นๆ เมื่อผู้นำจีนคอมมิวนิสต์ภายใต้การนำของประธานเหมา เจ๋อตง สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 2492 ก็สั่งกองกำลังยาตราทัพเข้า “ปลดปล่อย” ประชาชนในซินเจียงดินแดนแห่งภาคตะวันตกจีน หลังจากนั้นมา ชาวอุยกูร์ก็เริ่มบ่นถึงการกดขี่ของการปกครองจีน

แม้ในช่วงเศรษฐกิจบูมเมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งรัฐบาลกลางดำเนินนโยบายมุ่งพัฒนาภาคตะวันตก ชาวอุยกูร์หลายคนก็ยังคิดว่าพวกเขาเป็นพลเมืองชั้นสอง

อับดุลเลาะห์ ชาวอุยกูร์ วัย 28 ปี ในอูหลู่มู่ฉี ซึ่งเป็นเมืองเอกของซินเจียง บอกว่า
“พวกจีนฮั่นไม่ชอบพวกเรา พวกเราถูกกีดกั้น ถูกดูถูกมาตลอด พวกบริษัทจีนก็ไม่อยากจ้างอุยกูร์ทำงาน และถ้าพวกเราได้งานก็ถูกปฏิบัติอย่างเลวร้าย”

อับดุลเลาะห์เล่าว่า คนงานเชื้อสายจีนฮั่นได้รับเงินเดือนสูงกว่าชาวอุยกูร์ 4 เท่า ในงานลักษณะเดียวกัน

ในปี 2492 ที่จีนเข้าปลดปล่อยซินเจียง จำนวนประชากรชาวจีนฮั่นมีสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 6 ของประชากรทั้งหมดในมณฑล ปัจจุบันกลุ่มฮั่นขยายใหญ่มากถึงร้อยละ 40 ของประชากรในซินเจียง

ชาวอุยกูร์มองว่าพวกแรงงานอพยพจีนฮั่นเข้ามาฮุบผลประโยชน์ในการพัฒนาด้านทรัพยากรอันอุดมของดินแดนพวกเขาที่มีทั้งน้ำมัน เหมืองแร่ และพืชผลเกษตร นอกจากนี้ชาวอุยกูร์ยังรู้สึกว่าศาสนาของพวกเขายังถูกใช้เป็นเครื่องมือกีดกั้นพวกเขา ยิ่งโหมกระพือความเก็บกดในใจของชาวอุยกูร์
หญิงอุยกูร์หน้าสุเหร่าแห่งหนึ่งในเมืองคาชการ์ ซินเจียง-เอเอฟพี
Zabuti ชาวอุยกูร์ผู้หนึ่ง บอกกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีว่า แทบไม่มีใครประหลาดใจเลยที่ทางการจีนประกาศปิดสุเหร่าหลังเกิดเหตุรุนแรง “พวกเขาบอกว่าจลาจลไม่เกี่ยวกับประเด็นทางศาสนา แต่ตั้งแต่เกิดจลาจล พวกเขาก็ไม่อนุญาตให้เราสวดมนต์ในสุเหร่า”

แม้มีความคับข้องใจ ชาวอุยกูร์บางกลุ่มก็พยายามอยู่ร่วมกับเพื่อนต่างเชื้อชาติ “ที่ผ่านมา ชนชาติส่วนน้อยก็อยู่ร่วมกับชาวจีนฮั่นได้อย่างดี” อัคบาร์ หนุ่มชาวอุยกูร์ ที่มีการศึกษาดี และพูดภาษาจีนคล่องแคล่ว

ขณะเดียวกันชาวจีนฮั่นบางกลุ่มในซินเจียงถือเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่เป็นบ้าน และไม่คิดแบ่งแยก “ฉันรักที่นี่ และฉันก็รักชาวอุยกูร์ด้วย” จาง เสี่ยเซิง ชาวจีนฮั่น ที่อาศัยในอูหลู่มู่ฉี 52 ปี กล่าว

จางพยายามยื่นช่อมะกอกกับเพื่อนต่างเชื้อชาติร่วมเมืองเดียวกัน เขาเดินไปเข้าไปในย่านที่อยู่อาศัยของชาวอุยกูร์ แสดงความสมานฉันท์หลังเกิดศึกรุนแรงเมื่อวันอาทิตย์

“ผมไม่กลัวที่จะมาที่นี่ เพราะการแสดงให้ชาวอุยกูร์เห็นว่าเราไม่กลัวและก็เป็นมิตรนั้น เป็นเรื่องสำคัญ”

“ปัจจุบันชาวอุยกูร์วัยหนุ่มสาวหลายคนตระหนักว่าพวกเขาไม่อาจก้าวหน้าหากไม่พูดภาษาจีน ขณะเดียวกัน การเรียนรู้ภาษาอุยกูร์ของชาวจีนฮั่นที่เข้ามาในซินเจียง ก็จะสร้างบรรยากาศที่ดีกว่า”

หนุ่มอุยกูร์ วัย 25 ปี ที่ไม่เผยนาม จบการศึกษาจากโรงเรียนจีนในท้องถิ่น และมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ บอกว่าเขาได้งานที่ดีในหน่วยงานของรัฐบาลท้องถิ่นในเมือง “ในหน่วยงานของผม ผมเป็นคนเดียวที่เป็นชาวอุยกูร์ แต่พวกเราทั้งหมดก็เป็นเพื่อนที่ดีกัน แต่เหตุการณ์เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ผมเห็นทหารจีนยิงใส่ชาวอุยกูร์ ภาพนั้น ทำร้ายจิตใจผมมาก”

“ผมไม่ชอบที่รัฐบาลโกหก ความจริงต้องถูกเปิดเผยออกมา (ใครกันแน่ที่ถูกสังหาร)”

กลุ่มผู้นำรัฐบาลจีนประกาศว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ไม่มีต้นตอจากทั้งความแตกต่างทางศาสนาและเชื้อชาติ แต่เป็นแผนการของคนนอกที่เคลื่อนไหวอิสรภาพซินเจียง
แม้ในช่วงเศรษฐกิจบูมเมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งรัฐบาลกลางดำเนินนโยบายมุ่งพัฒนาภาคตะวันตก ชาวอุยกูร์หลายคนก็ยังคิดว่าพวกเขาเป็นพลเมืองชั้นสอง ในภาพ: ชาวอุยกูร์ขายผลไม้ในตลาดเมืองคาชการ์เมืองชายแดนและเมืองท่องเที่ยวใหญ่ของเขตปกครองตัวเองชนชาติอุยกูร์มณฑลซินเจียง -เอเอฟพี
เหวินเหริน เจียง ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน จาก มหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา (University of Alberta) รัฐบาลจีนต้องแก้ไขปัญหามูลฐานของซินเจียง จึงสามารถประกันอนาคตที่ดีกว่า แทนที่จะมองหาแต่แพะรับบาป

“ประการแรกผู้นำจีนต้องระบุปัญหาความตึงเครียดทางเชื้อชาติ มากกว่าโยนความผิดทั้งหมดไปที่กลุ่มอาชญากรเล็กๆที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างแดน และประการที่สอง จะต้องค้นหาให้เจอว่าทำไมนโยบายส่งเสริมผลประโยชน์ของชนชาติส่วนน้อยจึงไม่บรรลุเป้าหมาย และควรแก้ไขอย่างเหมาะสม”

Maimaiti Jiang เจ้าของร้านค้าแห่งหนึ่งในอูหลู่มู่ฉี แสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงว่า “พวกเราเผชิญกับการกดขี่มาเป็นสิบๆปีในซินเจียงนี่ บางอย่างก็พอทนได้ บางอย่างก็เลวร้ายเหลือรับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น