รอยเตอร์ – หู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีนตัดสินใจลาเวทีประชุมผู้นำกลุ่ม G8 ที่เริ่มประชุมในวันนี้ (8 ก.ค.) ที่อิตาลี ตีตั๋วกลับประเทศเพื่อสะสางเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 156 คน
กระทรวงต่างประเทศจีนเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ว่า หู จิ่นเทา ได้ออกเดินทางกลับมายังประเทศจีน เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง ที่ปะทุขึ้นในวันอาทิตย์ (5 ก.ค.)
สำหรับการประชุม G8 นั้น ทางกระทรวงต่างประเทศระบุว่า นายไต้ ปิงกั๋ว มุขมนตรี จะเข้าร่วมประชุมแทนหู ซึ่งเดินทางถึงอิตาลีตั้งแต่วันอาทิตย์และเดิมมีกำหนดการร่วมหารือในวันพฤหัสบดีนี้ (9 ก.ค.)
ด้านนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมากระตุ้นทางการจีนเร่งควบคุมเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยกล่าวว่า ทางสหรัฐฯ รู้สึกกังวลอย่างมากต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในซินเจียง พร้อมทั้งระบุว่า สหรัฐฯ กำลังหาความกระจ่างในเรื่องนี้ และ “สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก็คือการทำให้ความรุนแรงยุติ”
ทั้งนี้ การจลาจลเริ่มต้นในวันอาทิตย์เมื่อผู้ประท้วงชาวอุยกูร์ได้ปิดถนนและเผายานพาหนะต่างๆ ทั้งยังปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยปราบปรามจลาจล โดยการประท้วงครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากเมื่อปลายเดือยมิ.ย. ได้เกิดการปะทะกันระหว่างชาวฮั่นกับคนงานชาวอุยกูร์ ส่งผลให้มีชาวอุยกูร์เสียชีวิต 2 ราย
การปะทะรุนแรงระหว่างกลุ่มประท้วงชาวมุสลิมอุยกูร์และตำรวจปราบจลาจลในอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 156 ราย ซึ่งร้อยละ 90 เป็นชาวอุยกูร์ บาดเจ็บอีก 1,082 ราย และถูกจับ 1,434 คน
ทางการเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียงได้แถลงถึงสาเหตุของการก่อจลาจลครั้งนี้ว่า มีการแบ่งแยกดินแดนเป็นแรงจูงใจ พร้อมทั้งกล่าวโทษนางรอบียะ กอดีร์ ผู้นำชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยไปอยู่สหรัฐฯ ว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความไม่สงบในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม นางกอดีร์ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาคมโลกตรวจสอบความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ด้านชาวฮั่นหลายร้อยที่อาศัยอยู่ในซินเจียง แสดงความโกรธแค้นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้พากันพกพาอาวุธ เช่น มีดบังตอ ขวาน โซ่ ท่อนเหล็ก และไม้กระบอง ลุยเข้าไปยังเขตที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมอุยกูร์ในอุรุมชีเมื่อวันอังคาร พร้อมทั้งทำลายข้าวของและทุบตีผู้ที่ผ่านไปมา เพื่อปฏิบัติการล้างแค้นคู่อริที่พวกเขาชี้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุจลาจลเมื่อสุดสัปดาห์ จนเป็นเหตุให้เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาซินเจียง หวัง เล่อเฉียน ต้องประกาศเคอร์ฟิว จำกัดการจราจรบนท้องถนน ห้ามประชาชนออกมาเดินตามถนนระหว่างเวลา 21.00 น.-8.00 น. เพื่อป้องกันความวุ่นวายบานปลายไปกว่านี้
ทั้งนี้ ความขัดแย้งในซินเจียง หรือซินเกียง ซึ่งเป็นเขตของชนชาติส่วนน้อยมุสลิมเชื้อสายอุยกูร์คล้ายกับความขัดแย้งในเขตปกครองตัวเองชนชาติทิเบต โดยชาวอุยกูร์เป็นชนชาติส่วนน้อย พูดภาษาเตอร์ติค พวกเขาต้องการอิสระในการดำเนินวิถีชีวิตวัฒนธรรมของตัวเอง แต่ที่ผ่านมาชาวอุยกูร์ได้ร้องเรียนเสมอมาว่าผู้นำจีนกดขี่ชนชาติส่วนน้อย
แม้ว่ารัฐบาลจะผลักดันแผนพัฒนาภาคตะวันตก โดยชักชวนให้บริษัทต่างๆ เข้าไปลงทุนในพื้นที่นี้โดยได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล แต่ชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง ทั้งชาวอุยกูร์ ชาวคาซัค และมองโกเลีย ต่างร้องเรียนว่า หัวหน้างานที่เป็นชาวฮั่นได้มอบหมายงานที่ต่ำต้อยให้บรรดาชนกลุ่มน้อยทำ ขณะที่ชาวฮั่นได้รับงานที่ต้องใช้ทักษะและได้รับค่าจ้างสูงกว่า
นอกจากนี้ บรรดาชนชาติส่วนน้อยยังกล่าวหารัฐบาลจีนพยายามกลืนชาติและขยายการใช้ภาษาจีนกลางในดินแดน ทั้งยังมีการข่มเหงทางวัฒนธรรม โดยผู้นำจีนในท้องถิ่นบังคับให้ชาวมุสลิมอุยกูร์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐโกนหนวดเคราทั้งที่เป็นข้อบัญญัติในศาสนาอิสลาม และยังห้ามชาวมุสลิมอุยกูร์ถือศีลอดในเทศกาลรอมมาฎอน เป็นต้น
ชมคลิปภาพการจลาจลจากการเผยแพร่ของ CCTV9
คลิกอ่าน...
“รอบียะ กอดีร์” เป้าโจมตีในศึกขัดแย้งอุยกูร์-จีน
“นักสู้มังกร” โฉมใหม่ ของหญิงนักสู้อุยกูร์
“กบฏซินเจียงเป็นใครน่ะ?
วิถีอุยกูร์ภายใต้สโลแกนโอลิมปิก
