เอเจนซี- สืบเนื่องจากจีนทุ่มกวาดซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบพื้นฐานของอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเตรียมตัวรับเศรษฐกิจฟื้นตัว แต่ ณ ขณะนี้ สินค้าวัตถุดิบเหล่านี้ท่วมท้นโกดังจีนแทบไหลทะลักออกมาแล้ว ก็ยังไม่เห็นจุดจบของวิกฤตการเงินโลก ด้วยเหตุนี้ กลุ่มนักวิเคราะห์จึงออกโรงคาดการณ์ว่า การปรับขึ้นราคาสินค้าโภคภัณฑ์ใกล้จบสิ้นแล้ว
จีนกวาดซื้อสินค้าวัตถุดิบทั้งน้ำมันดิบ ทองแดง ถ่านหิน และวัตถุดิบสำคัญๆแม้ในช่วงที่วิกฤตการเงินโลกกำลังพ่นพิษหั่นความต้องการในภาคส่งออกอย่างดุเดือด กลุ่มผู้ซื้อสินค้าจีนก็ได้โอกาสในช่วงที่ธนาคารขยายสินเชื่อ กู้เงินมาลงทุนกว้านซื้อสินค้าวัตถุดิบที่ราคาต่ำ อีกทั้งค่าธรรมเนียมขนส่งที่ถูกลงในขณะนั้น
แต่กระแสการกว้านซื้อดังกล่าวมีแนวโน้มชะลอตัวตัวลง โดยนาย หยัง อี้ว์จวิน นักวิเคราะห์ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ประจำ Wellxin Consulting ในเมืองเฉิงตู แจงว่าจีนกักตุนสินค้าฯมาตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ซึ่งในตอนนั้นราคาถูกมาก แต่ตอนนี้มีเค้าว่าการทุ่มซื้อสินค้าล็อกใหญ่จะค่อยๆซาลง เนื่องจากขณะนี้คลังสำรองสินค้าของจีนแทบไม่เหลือที่ว่างแล้ว
Macquarie Bank ระบุในงานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จุดสำคัญในตอนนี้อยู่ที่ขนาดของสินค้าที่จีนซื้อ เมื่อสามเดือนที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อของจีนสูงขึ้น ทำให้ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกของค่ายสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือที่เรียกว่า GSCI พุ่งสูงร้อยละ 26.5
แต่อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าโดยรวมก็ยังต่ำกว่าช่วงก่อนวิกฤตการเงิน แม้ปัจจัยการทุ่มซื้อสินค้าของจีนดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่ดัชนีราคาก็ยังต่ำกว่าเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา เท่ากับร้อยละ 58.5
ดัชนี GSCI ระบุในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบแพงขึ้น ร้อยละ 39.6 ขณะที่ราคาทองแดง ไต่ขึ้นที่ร้อยละ 45
ในช่วงที่กระแสซื้อสินค้าจากจีนคึกคักนั้น นอกจากสำนักงานคลังสำรองแห่งรัฐจีนกำลังตุนสินค้าเข้าโกดังแล้ว กลุ่มผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ตลอดจนนักเก็งกำไรต่างก็ร่วมผสมโรง ด้วยหวังฟันกำไรเอาในตอนที่ราคาสินค้าพุ่งสูงเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
กระทั่งสมาคมเหล็กและสินแร่เหล็กแห่งประเทศจีนเริ่มตรวจสอบการนำเข้าที่ขยายตัวไม่หยุดยั้ง หลังจากที่ปริมาณสินแร่เหล็กทะลักเข้ามาในประเทศ ดีดตัวขึ้นร้อยละ 33 ต่อปี ในเดือนเมษายน ทำลายสถิติปริมาณเหล็กประจำเดือนที่ไหลเข้ามา เท่ากับ 57 ล้านตัน
สำนักข่าวโดวน์โจนส์ ระบุว่าราคาซื้อขายในทันทีสำหรับสินแร่เหล็กที่ส่งมายังจีนพุ่งสูงสุดในรอบเกือบสี่เดือนในกลางเดือนมิถุนายน อยู่ที่ระดับ 76.50 ต่อตัน รวมทั้งค่าใช้จ่าย ค่าระวางขนส่ง และค่าประกัน
แต่ขณะนี้รัฐบาลจีนสั่งการให้กลุ่มธนาคารตัดลดการสินเชื่อที่ปล่อยสำหรับกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก และผู้นำเข้าสินแร่เหล็ก ซึ่งไม่เชื่อฟังและให้ความร่วมมือช่วยควบคุมปริมาณและการนำเข้าสินแร่เหล็กที่สอดคล้องกับความต้องการผลิตเหล็กภายในประเทศ
ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคเหล็กรายใหญ่สุดของโลก นำเข้าสินแร่เหล็กในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้ มากถึง 188.5 ล้านตัน คิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มปีต่อปี เท่ากับร้อยละ 22.9 จากตัวเลขสำนักงานศุลกากรจีน
“ซับพลายเหล็กมหาศาลที่ขนส่งมายังจีน ทำให้เรือขนส่งแร่เหล็กบางกลุ่มต้องรอคิวยาวในการขนสินค้าลงที่ท่าเรือ” สีว์ หมินเล่อ นักวิเคราะห์ประจำธนาคารแห่งประเทศจีน หรือ แบงค์ ออฟ ไชน่า เผย
เหล็กมิใช่สินค้าฮ็อตฮิตเพียงประเภทเดียวในเดือนเมษายน การนำเข้าน้ำดิบ ก็ปีนสูงถึงร้อยละ 14 ขณะที่การนำเข้าอลูมิเนียม ออกไซด์ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16 และทองแดงก็เพิ่มร้อยละ 64.4 จากตัวเลขของ JP Morgan
ขณะเดียวกัน การนำเข้าถ่านหิน ก็สูงร้อยละ 168 เนื่องจากจีนได้เพิ่มการซื้อถ่านหินนอกระหว่างที่เจรจากับผู้ผลิตภายในประเทศเพื่อต่อรองราคาที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม มูดี้ส์ ก็ชี้ถึงแนวโน้มที่ไม่สดใสสำหรับกลุ่มโลหะพื้นฐาน อุตสาหกรรมเหล็ก และเหมืองแร่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกระหว่างช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า โดยชี้ว่าการซื้อจะขยายตัวนำหน้าความต้องการ
“การสำรองสินค้ายุทธศาสตร์ และการหันมานำเข้าสินค้าคุณภาพสูงกว่า แทนการผลิตสินค้าคุณภาพต่ำในประเทศ ยังสนับสนุนกระแสการปรับขึ้นของราคาสินค้าโลหะพื้นฐานหลายตัว” เทอร์รี่ ฟาโนส (Terry Fanous) หัวหน้าหน่วยวิเคราะห์ภาคเหมืองแร่และโลหะประจำเอเชียของมูดี้ส์ ชี้ พร้อมชี้ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเรายังจะไม่ได้เห็นการฟื้นตัวที่ยั่งยืนของความต้องการไปจนกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่นจะกระเตื้อง
ราคาทองแดง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ส่อเค้ามาแรงสุด โดยประเมินจากการที่พุ่งสูงทำลายสถิติในรอบแปดเดือน ที่ระดับสูงกว่า 2.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปอนด์ ที่ตลาดNYMEX แห่งนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน แต่ราคาก็กลับหันหัวลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มผู้ค้าวิตกว่าจีนจะหั่นการสำรองสินค้า
“เนื่องจากจีนยังเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักในการฟื้นตัวราคาทองแดงในปีนี้ ดังนั้น การชะลอซื้อสินค้าของจีน ก็จะทำให้ราคาสลดลงหน่อย” Leon Westgate นักวิเคราะห์ประจำสแตนดาร์ด แบงค์ ระบุ