เอเจนซี – จีนเริ่มเดินเครื่องสร้างทางรถไฟจากอำเภอฮามี่ตรงพรมแดนจีน-มองโกเลียไปยังทะเลทรายหลัวปู้พอ หรือ Lop Nur อดีตพื้นที่ทะเลสาบที่รู้จักกันในนาม “ทะเลแห่งความตาย” ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลทรายทาคลามากัน ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน
Nur Bekri ผู้ว่าการเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง เผยว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (16 มิ.ย.) จีนได้เริ่มก่อสร้างทางรถไฟความยาว 360 กิโลเมตร ทอดยาวจากอำเภอฮามี่ไปยังหลัวปู้พอ(ภาษามองโกล) ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลทรายทาคลามากัน คาดสร้างแล้วเสร็จในเวลา 2 ปี
โดยปัจจุบันฮามี่และหลัวปู้พอเชื่อมกันด้วยทางหลวงซึ่งเปิดใช้เมื่อปี 2549 แต่โครงการทางรถไฟ 3,280 ล้านหยวน (470 ล้านเหรียญสหรัฐ) นี้จะอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น และกระตุ้นการเข้าสำรวจหลัวปู้พอซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเกลือโพแทสเซียม หนึ่งในทรัพยากรใช้ผลิตปุ๋ยที่หายากในจีน โดย Nur Bekri คาดว่า พื้นที่ดังกล่าวจะมีปริมาณเกลือโพแทสเซียมสะสมถึง 500 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 500,000 ล้านหยวน
ถ้าไม่รวมปริมาณเกลือโพแทสเซียมในหลัวปู้พอปัจจุบันประเทศจีนมีปริมาณเกลือโพแทสเซียมทั้งหมดเพียงแค่ 457 ล้านตัน ไม่ถึง 3% ของปริมาณโพแทสเซียมทั่วโลก โดยในแต่ละปีจีนต้องนำเข้าปุ๋ยโพแทสเซียมอย่างน้อย 4 ล้านตัน
ด้านหวัง ฮุ่ยเซิง ประธานบริษัทสเต็ท ดิเวลอปเม้นท์ แอนด์ อินเวสต์เม้นท์ คอร์ป วิสาหกิจรัฐรายใหญ่ที่ก่อตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยโพแทสเซียมในหลัวปู้พอ เผยว่า “เมื่อทางรถไฟเปิด ก็จะสะดวกมากขึ้นในการขนส่งเกลือโพแทสเซียมจากหลัวปู้พอ" โดยเมื่อปลายปีที่แล้วบริษัทของหวังสามารถผลิตปุ๋ยได้มากถึง 1.2 ล้านตัน และในปี 2557 จะมีการสร้างฐานการผลิตเฟสที่ 2 คาดมีความสามารถในการผลิต 3 ล้านตันต่อปี
นอกจากนี้ระหว่างเส้นทางรถไฟสาย ฮามี่-หลัวปู้พอยังเป็นฐานการผลิตถ่านหินที่สำคัญของประเทศ ซึ่งมีปริมาณถ่านหินสำรองที่พิสูจน์แล้วไม่ต่ำกว่า 23,000 ล้านตัน “ทางรถไฟจะช่วยอำนวยความสะดวกทางด้านการขนส่งและสนับสนุนการสร้างฐานผลิตพลังงานจากถ่านหินขนาดใหญ่ในฮามี่ด้วย”
ยิ่งไปกว่านั้น ทางรถไฟสายดังกล่าวยังจะช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวและนักผจญภัยให้หลั่งไหลมายังหลัวปู้พอด้วย โดย หวัง เป่าเหวย นักผจญภัยสมัครเล่นในเมืองอุรุมชีของซินเจียงให้สัมภาษณ์ว่า “ผมกำลังรอนั่งรถไฟไปยังหลัวปู้พอ”
โดยหลัวปู้พอเคยเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ก่อนที่จะเหือดแห้งลงในปี 2515 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ขยายของทะเลทรายและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม
ครั้งหนึ่งหลัวปู้พอยังเคยเป็นแหล่งน้ำที่หล่อเลี้ยงเมืองโหลวหลัน (Kroraina) เมืองโบราณ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดพักสำคัญในเส้นทางสายไหม แต่ในช่วงศตวรรษที่ 3 ก็กลับหายสาบสูญไปอย่างปริศนา เนื่องด้วยคุณค่าทางด้านธรณีวิทยา ภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์ จึงทำให้หลัวปู้พอดึงดูดนักวิทยาศาสตร์จากทั้งในและนอกประเทศเดินทางมาสำรวจตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีทางรถไฟอย่างน้อย 11 เส้นกำลังก่อสร้างอยู่ในซินเจียง คาดว่าภายในปี 2563 ระยะทางรวมของทางรถไฟในซินเจียงจะเพิ่มจาก 3,000 กิโลเมตรพุ่งแตะ 10,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว