xs
xsm
sm
md
lg

พ่อแม่จีนทุ่มทุนเพื่อลูกคนเดียว ธุรกิจสินค้าเด็กยิ้มรับขยายตัวเร็ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไชน่าเดลี่ – ทุกวันนี้ ในจีน พอพูดถึงเรื่องมีลูกคนแรก ก็เล่นเอาหลายคนถึงกับเหงื่อกาฬแตก ! เพราะเดี๋ยวนี้ ปัญหา ที่รออยู่ ไม่ใช่แค่การอดนอนในตอนกลางคืน หรือรูปแบบการดำเนินชีวิต ที่ต้องเปลี่ยนไปอย่างมหันต์เท่านั้น แต่มันยังหมายรวมถึงรายจ่าย ที่งอกขึ้นมาอีกด้วย

ทารกคนหนึ่ง “ น่าจะเป็นภาระ ที่พระเจ้าส่งมาให้มากกว่าจะเป็นของขวัญ” หวง ลี่ หนุ่มพนักงานบริษัทไอทีในกรุงปักกิ่ง อายุช่วง 30 ปี ว่าเข้านั่น

เขากับภรรยามีร่างกายแข็งแรงด้วยกันทั้งคู่ และอยู่กินกันมา 5 ปีอย่างสุขสบาย ภายในอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กด้วยเงินรายได้ ซึ่งสูงกว่ารายได้เฉลี่ยของชาวจีนทั่วไป พร้อมกับรถยนต์หนึ่งคัน

หลังจากสอบถามเพื่อนฝูง หวงถึงกับออกอาการขนลุก

“ แต่ละเดือนผมต้องหมดเงินไปหลายพันหยวนกับทารก” เขาชี้แจง หลังจากคำนวณแล้วว่า เขาต้องจ่ายเงิน 1,000 หยวนสำหรับนมผง, 500 หยวนสำหรับผ้าอ้อมสำเร็จรูป และอีก 1,5000 หยวนสำหรับส่งลูกเข้าโรงเรียนอนุบาล รวมค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จ 3,000 หยวนในแต่ละเดือน

“ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผมต้องหาอพาร์ตเมนต์ใหญ่กว่านี้ อย่างน้อยสัก 100 ตารางเมตร สำหรับให้พ่อแม่ หรือพ่อตาแม่ยายมาอยู่ด้วยกัน” หวงคิดสะระตะ โดยวางแผนให้อากงอาม่าช่วยกันเลี้ยงหลานระหว่างที่เขากับภรรยาออกไปทำงาน ซึ่งทั้งสองต้องมีรายได้รวมกันเดือนละประมาณ 15,000 หยวน ถึงจะเอาอยู่

หนุ่มผู้นี้มิได้วิตกจริตไปเลย เพราะจากผลวิจัยของ Beijing Answer Marketing Consulting Ltd. บริษัททำวิจัยสถิติเกี่ยวกับเด็ก พบว่า ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกน้อย ไปจนถึงอายุ 6 ขวบ เฉลี่ยแล้วคิดเป็นเงินถึง 1 ใน 3 ของรายจ่ายครอบครัวเลยทีเดียว

เมื่อปีที่แล้ว คู่สมรสบนแดนมังกรกว่า 16 ล้านคู่กลายเป็นพ่อแม่คน และมีทารกเกิดใหม่ราว 25 ล้านคน โดยเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบ มีจำนวนมากกว่า 100 ล้านคน ซึ่งเกือบเท่ากับครึ่งหนึ่งของประชากรสหรัฐฯ ทั้งประเทศ

ขณะที่ตลาดขายสินค้าเด็กมีเงินสะพัดถึงราว 5 แสนล้านหยวนต่อปี ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2 เท่าในปีหน้า โดยนับตั้งแต่ปี 2543 ธุรกิจด้านนี้ขยายตัวถึงปีละประมาณร้อยละ 30 ซึ่งสูงกว่าการเติบโตจีดีพีต่อปีของจีน ซึ่งเป็นตัวเลข 2 หลักในช่วง 10 ปีที่แล้ว

บรรดาพ่อแม่ในเมืองจีนก็เหมือนคนเป็นพ่อเป็นแม่ทั้งหลายในโลก อยากมอบสิ่งดีที่สุดให้กับลูก และด้วยรูปแบบโครงสร้าง 4-2-1 ของครอบครัวชาวจีนยุคปัจจุบัน ซึ่งก็คือมีปูย่าตายาย, พ่อแม่ และลูก 1 คน เจ้าตัวน้อยจึงกลายเป็นศูนย์รวมของความรักความเอาใจใส่
ผลิตภัณฑ์ของเด็กมากมายที่มีการเสนอขายผ่านเว็บไซต์ในประเทศจีน - ภาพ images.google.com
Beijing Answer Marketing Consulting Ltd.ได้ศึกษารูปแบบค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกของชาวจีนระหว่างปี 2550-2551 พบว่า กรณีลูกอายุต่ำกว่า 3 ปี ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับค่าอาหาร โดยเฉพาะนมผงราวร้อยละ40-60 รองลงมาได้แก่ค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูป ราวร้อยละ20-30 กรณีลูกอายุระหว่าง 3-6 ขวบ ค่าเล่าเรียนจะเริ่มแซงหน้าค่าอาหาร

ชาวจีนส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าจากผู้ผลิตต่างชาติมากกว่าผู้ผลิตในประเทศ เพราะมีการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยดีกว่า

นมผงคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด

“ดิฉันให้ลูกกินนมผงนำเข้าค่ะ” ไลเซล หวัง พนักงานบริษัทเยอรมนีในเซี่ยงไฮ้พูดถึงการเลี้ยงดูบุตรสาววัย2 ขวบ

“ ถึงจะแพงกว่านมผงในประเทศ 5 หรือ 8 เท่า แต่เชื่อว่าคุ้ม เพราะ มีการตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารเข้มงวดกว่ามาก”

ยิ่งพอเกิดข่าวนมผงปนเปื้อนสารเมลามีนครึกโครมบนแดนมังกรเมื่อปีที่แล้ว บรรดาพ่อแม่ชาวจีนก็หันมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์จากอเมริกา,สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นกันมากขึ้น

“ขนาดในหมู่บ้านฉันเอง คนเลิกซื้อนมผงในประเทศ หันไปซื้อของนอก” เถียน หลันอิง หญิงชนบทในมณฑลหูหนันเล่า …ตอนนี้นิยมเนสต์เล่กัน

สมมุติว่า ทารก 1 ใน 5 ของสถิติการเกิดเมื่อปีที่แล้วในจีน ไม่ได้กินนมแม่ ย่อมหมายความว่า มีทารกมากถึงกว่า 3 ล้านคน ที่ต้องพึ่งนมผง ซึ่งคาดว่าตัวเลขนี้จะสูงขึ้นไปอีก เพราะ แม่บนแดนมังกรหลายคนจะกลับไปทำงาน หลังจากครบกำหนดลาคลอด 3 เดือน

เงินหลายพันล้านปลิวไปใส่กระเป๋าบริษัทผู้ผลิตนมผงต่างชาติ ขณะความหวาดระแวงยังลุกลามไปยังสินค้าเด็กประเภทอื่น

เว็บไซต์Letao.com ร้านขายของเล่นออนไลน์รายใหญ่สุดของจีน เวลานี้ ขายเฉพาะแต่ของเล่นยี่ห้อต่างชาติ หรือนำเข้าเท่านั้น เพราะ “การออกแบบและใช้วัตถุดิบมีความปลอดภัย”

ของเล่นยี่ห้อ Little Tikes ของอเมริกา และ Bao ของฝรั่งเศส ขายดิบขายดีในอินเทอร์เน็ตตกถึงเดือนละประมาณ 1 ล้านหยวน ผู้ซื้อส่วนใหญ่มาจากเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ และเมืองที่มั่งคั่งในมณฑลเจียงซู และเจ้อเจียง

แต่แบรนด์ต่างชาติก็เกิดเรื่องฉาวได้เหมือนกัน เช่นกรณีผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับทารกของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ไชน่า ถูกเปิดโปงว่า มีส่วนผสมของสารฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งอาจเป็นสารก่อมะเร็ง เล่นเอาไลเซล หวัง พนักงานแห่งบริษัทเยอรมนีแทบคลั่ง เพราะลูกสาวของเธอใช้แต่ผลิตภัณฑ์ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน “ดิฉันสับสนไปหมดว่าควรจะเชื่อใครดี” เพราะปัญหาร้อยแปดอย่างนี้นี่เอง ทำให้หลายคนชักคล้อยตามวาทะของเธอ
กำลังโหลดความคิดเห็น