เอเจนซี – จีนเตรียมทุ่มเม็ดเงินนับแสนล้านหยวนเพิ่มกำลังผลิตพลังงานลม คาดภายในปีหน้าจะสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ 2 เท่าตัวจากปีที่แล้ว หรือประมาณ 3 หมื่นเมกะวัต์ และในอีก 10 ปีข้างหน้าจะผลิตได้นับแสนเมกะวัตต์ จับตาจีนกำลังแซงหน้าอียู ญึ่ปุ่น และเมกา กลายเป็นชาติที่มีการใช้พลังงานหมุนวียนมากที่สุดในโลก
โดยนายซือ หลี่ซัน รองผู้อำนวยการฝ่ายพลังงานหมุนเวียน สำนักงานพลังงานแห่งชาติจีน เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ว่า แผนการดังกล่าวจะทำให้จีนสามารถเพิ่มกำลังผลิตพลังงานลมเป็น 3 หมื่นเมกะวัตต์ จากที่เคยผลิตได้ 12,000 เมกะวัตต์ ในปีที่แล้วจีนมีกำลังผลิตพลังงานลมมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ขณะที่จีนเป็นประเทศที่ใช้พลังงานมากเป็นอันดับสองของโลก
คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานวางแผนด้านเศรษฐกิจของจีน เคยประมาณการไว้เมื่อปี 2550 ว่าการลงทุนด้านพลังงานทางเลือกในจีนจะมีมากถึง 2 ล้านล้านหยวนภายในปี 2563 ซึ่งนายซือเห็นว่า พลังงานลมมีความสำคัญยิ่งเพราะเป็นพลังงานหมุนเวียนที่มีราคาถูกที่สุด
“หากเทียบราคาต่อหน่วย ต้นทุนในการผลิตพลังงานอยู่ที่ 0.5-0.6 หยวนต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งแพงกว่าพลังงานจากถ่านหินที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 0.2-0.4 หยวนต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง” นายซือเปิดเผย ปัจจุบันจีนใช้พลังงานจากถ่านหินมากที่สุด คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด
ขณะที่ นายฮวง ฉวิน รองประธานกลุ่มบริษัทหล่งหยวน อิเลคทริค พาวเวอร์ ผู้ผลิตพลังงานลมรายใหญ่ในจีน เผยว่า ทางบริษัทวางแผนว่าจะเพิ่มกำลังผลิตพลังงานลม จากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 2,630 เมกะวัตต์ จะเพิ่มเป็น 6 พันเมกะวัตต์ในปีหน้า และจะผลิตให้ได้ 2 หมื่นเมกะวัตต์ภายในปี 2563
ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาลจีนที่เปิดเผยเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ภายใต้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องใช้เงิน 4 ล้านล้านหยวนนั้น รัฐบาลจีนจะโยกเงินจำนวน 2.1 แสนหยวนเพื่อใช้ในโครงการประหยัดพลังงานและโครงการลดก๊าซคาร์บอน และยังวางแผนว่าจะพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่มีการเผาไหม้สะอาดเข้ามาแทนที่การใช้พลังงานถ่านหินและน้ำมันอีกด้วย
ส่วนกลุ่มบริษัทไชน่า รีซอส พาวเวอร์ ซัพพลายเออร์พลังงานไฟฟ้าจากฮ่องกงซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่เป็นอันดับสามในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ว่า ทางบริษัทเพิ่งได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนให้ดำเนินโครงการพลังงานลม 2 แห่งในมณฑลกันซูและกว่างตง (กวางตุ้ง) โดยกำลังผลิตพลังงานลมจากทั้งสองแห่งมีรวมกันทั้งสิ้น 221 เมกะวัตต์
นายจาง กั๋วเป้า ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานของจีน เผยว่า ความสามารถในการผลิตพลังงานลมของจีนในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 2 หมื่นเมกะวัตต์เป็นอย่างน้อย และกำลังผลิตพลังงานลมของจีนจะเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าตัวคือ 1 แสนเมกะวัตต์ในปี 2563
สำหรับพลังงานลม 1 เมกะวัตต์จะเพียงพอต่อการใช้พลังงานโดยเฉลี่ยของชาวจีนจำนวน 1 พันครอบครัว ทั้งนี้สถาบันวิจัยเวิล์ดวอชท์ (WorldWatch Institute) ที่อยู่ในกรุงวอชิงตัน เคยระบุไว้เมื่อปี 2550 ว่าจีนจะแซงหน้าสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ จนกลายมาเป็นประเทศที่มีการใช้พลังงานหมุนเวียนมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกภายในปี 2553
โดยนายซือ หลี่ซัน รองผู้อำนวยการฝ่ายพลังงานหมุนเวียน สำนักงานพลังงานแห่งชาติจีน เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ว่า แผนการดังกล่าวจะทำให้จีนสามารถเพิ่มกำลังผลิตพลังงานลมเป็น 3 หมื่นเมกะวัตต์ จากที่เคยผลิตได้ 12,000 เมกะวัตต์ ในปีที่แล้วจีนมีกำลังผลิตพลังงานลมมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ขณะที่จีนเป็นประเทศที่ใช้พลังงานมากเป็นอันดับสองของโลก
คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานวางแผนด้านเศรษฐกิจของจีน เคยประมาณการไว้เมื่อปี 2550 ว่าการลงทุนด้านพลังงานทางเลือกในจีนจะมีมากถึง 2 ล้านล้านหยวนภายในปี 2563 ซึ่งนายซือเห็นว่า พลังงานลมมีความสำคัญยิ่งเพราะเป็นพลังงานหมุนเวียนที่มีราคาถูกที่สุด
“หากเทียบราคาต่อหน่วย ต้นทุนในการผลิตพลังงานอยู่ที่ 0.5-0.6 หยวนต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งแพงกว่าพลังงานจากถ่านหินที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 0.2-0.4 หยวนต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง” นายซือเปิดเผย ปัจจุบันจีนใช้พลังงานจากถ่านหินมากที่สุด คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด
ขณะที่ นายฮวง ฉวิน รองประธานกลุ่มบริษัทหล่งหยวน อิเลคทริค พาวเวอร์ ผู้ผลิตพลังงานลมรายใหญ่ในจีน เผยว่า ทางบริษัทวางแผนว่าจะเพิ่มกำลังผลิตพลังงานลม จากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 2,630 เมกะวัตต์ จะเพิ่มเป็น 6 พันเมกะวัตต์ในปีหน้า และจะผลิตให้ได้ 2 หมื่นเมกะวัตต์ภายในปี 2563
ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาลจีนที่เปิดเผยเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ภายใต้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องใช้เงิน 4 ล้านล้านหยวนนั้น รัฐบาลจีนจะโยกเงินจำนวน 2.1 แสนหยวนเพื่อใช้ในโครงการประหยัดพลังงานและโครงการลดก๊าซคาร์บอน และยังวางแผนว่าจะพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่มีการเผาไหม้สะอาดเข้ามาแทนที่การใช้พลังงานถ่านหินและน้ำมันอีกด้วย
ส่วนกลุ่มบริษัทไชน่า รีซอส พาวเวอร์ ซัพพลายเออร์พลังงานไฟฟ้าจากฮ่องกงซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่เป็นอันดับสามในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ว่า ทางบริษัทเพิ่งได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนให้ดำเนินโครงการพลังงานลม 2 แห่งในมณฑลกันซูและกว่างตง (กวางตุ้ง) โดยกำลังผลิตพลังงานลมจากทั้งสองแห่งมีรวมกันทั้งสิ้น 221 เมกะวัตต์
นายจาง กั๋วเป้า ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานของจีน เผยว่า ความสามารถในการผลิตพลังงานลมของจีนในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 2 หมื่นเมกะวัตต์เป็นอย่างน้อย และกำลังผลิตพลังงานลมของจีนจะเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าตัวคือ 1 แสนเมกะวัตต์ในปี 2563
สำหรับพลังงานลม 1 เมกะวัตต์จะเพียงพอต่อการใช้พลังงานโดยเฉลี่ยของชาวจีนจำนวน 1 พันครอบครัว ทั้งนี้สถาบันวิจัยเวิล์ดวอชท์ (WorldWatch Institute) ที่อยู่ในกรุงวอชิงตัน เคยระบุไว้เมื่อปี 2550 ว่าจีนจะแซงหน้าสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ จนกลายมาเป็นประเทศที่มีการใช้พลังงานหมุนเวียนมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกภายในปี 2553