เอเยนซี – ขณะที่ฤดูกาลสอบเข้ามหาวิทยาลัยในจีนจะเวียนมาถึงในเดือนมิถุนายนนี้ ทางการจีนหลายมณฑลได้รายงานสถิติผู้สมัครสอบที่ลดลงอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ ในจำนวนนี้บางพื้นที่สถิติผู้สมัครสอบลดลงเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์
สถาบันการศึกษาและรับสมัครสอบมณฑลซันตงเผยว่า ปีนี้มีจำนวนผู้สมัครสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยมีเพียง 700,000 คน ลดลงจากปีที่แล้วราว 80,000 คน หรือตกฮวบมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เจ้าหน้าที่การศึกษาในมณฑลหูหนันเผย ยอดผู้สมัครสอบมีจำนวน 960,000 คน เทียบกับปีก่อนหน้าลดลง 29,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงครั้งแรกในพื้นที่ที่มีจำนวนผู้สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากแห่งหนึ่งในประเทศ นอกจากนี้แหล่งข่าวยังเปิดเผยว่า สถิติผู้สมัครสอบปีนี้ทั่วประเทศยังลดลงมากกว่าครึ่ง จากปีก่อนหน้า
ต่อกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่รับสมัครนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปักกิ่ง บอกว่า สาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้สมัครสอบลดลงเนื่องจาก ผู้สมัครสอบส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เกิดในทศวรรษที่ 90 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลจีนผลักดันยโยบายลูกคนเดียว อีกทั้งมหาวิทยาลัยในหลายพื้นที่มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร ทำให้ผู้สอบจำนวนมากวิตกกังวลจนทิ้งโอกาสสอบ บวกกับช่วงปลายปีที่ผ่านมา วิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วประเทศ ทำให้บัณฑิตจบใหม่หลายล้านคนต้องตกงาน ซึ่งจุดนี้กลายเป็นประเด็นที่ผู้สอบไม่เชื่อมั่นต่อการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นักเรียนมัธยมบางส่วนทิ้งโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศ ปัจจุบันกระแสนักเรียนจีนนิยมสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างประเทศกลับขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นที่กรุงปักกิ่ง พบว่าระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีนักเรียนมัธยมที่สมัครเพื่อไปศึกษาต่อยังประเทศมากถึง 3,000 คน
ด้านผู้เชี่ยวชาญในวงการศึกษาของจีนหลายท่านมองว่า จำนวนผู้สอบที่ลดลงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลหรือเสียหาย แต่มองว่าเป็นผลดีในการจัดหาแรงงานป้อนสู่ตลาด เนื่องจากการแข่งขันที่ลดน้อยลง อีกทั้งเป็นการเปลี่ยนทัศนคติเดิมของผู้ปกครองที่มักจะมองว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของลูกเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต