อดีตแกนนำนศ. วอนไต้หวันหนุนสร้างปชต.ในจีน

เอเอฟพี – อดีตแกนนำนักศึกษาในเหตุการณ์ล้อมปราบประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน วอนให้รัฐบาลไต้หวันสานต่อการสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในจีน หลังจากไต้หวันเริ่มปรับปรุงความสัมพันธ์กับรัฐบาลกรุงปักกิ่ง

โดยข้อเรียกร้องดังกล่าว มีขึ้นก่อนวาระครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ล้อมปราบประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นเหตุให้กลุ่มนักศึกษาและประชาชนในกรุงปักกิ่งต้องเสียชีวิตไปหลายร้อยคน และกลุ่มคนที่มีความคิดไม่ลงรอยกับรัฐบาลจีนก็เตรียมที่จะจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นในเดือนมิถุนายนนี้

“ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐกิจจีนโตขึ้นอย่างมาก ถึงกระนั้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงจุดยืนต่อเรื่องการล้อมปราบประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน” นั่นเป็นความเห็นจาก นายหวัง ตัน อดีตผู้นำนักศึกษาจีนและเป็นหนึ่งในแกนนำที่รัฐบาลจีนต้องการตัวมากที่สุด ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ

พร้อมกันนี้ นายหวังได้เรียกร้องให้รัฐบาลไต้หวันสานต่อการสร้างประชาธิปไตยในจีน เพื่อที่ชาวจีนจะได้เข้าใจชาวไต้หวันมากขึ้น และว่าประชาธิปไตยในจีนถือเป็นผลดีต่อไต้หวันในระยะยาว

ขณะที่ นายอู๋เอ่อร์ ไคซี อดีตผู้นำนักศึกษาอีกรายหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในไต้หวัน ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดี หม่า อิงจิ่ว ของไต้หวัน นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าจัตุรัสเทียนอันเหมินมาเป็นวาระเจรจากับจีน โดยกล่าวว่า การสนับสนุนของไต้หวันจะทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตมีกำลังใจมากขึ้น

ทั้งนี้ กลุ่มอดีตผู้นำนักศึกษาจีนต่างเห็นว่า อดีตรัฐบาลไต้หวันจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ได้สนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตย มากกว่ารัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งที่มีนายหม่าเป็นประธานาธิบดี และยังเห็นว่า นายหม่าคงเปลี่ยนจุดยืนไปแล้ว หลังจากที่เคยกล่าวตำหนิกองทัพประชาชนจีนที่ล้อมปราบนักศึกษาและประชาชน และขณะนี้ได้กลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับจีน

อย่างไรก็ตาม นายหวัง อี้ว์ฉีโฆษกประจำตัวนายหม่า ได้ออกมาแก้ต่างว่าจุดยืนของนายหม่า ทั้งก่อนและหลังการรับเข้าตำแหน่งประธานาธิบดียังคงเหมือนเดิม และว่า นายหม่าจะกล่าวปราศรัยสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในจีน หลังเดินทางกลับจาการเยือนต่างประเทศในวันที่ 4 มิถุนายนนี้

อนึ่ง ตั้งแต่นายหม่า อิงจิ่ว เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อหนึ่งปีมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและจีนได้พัฒนาขึ้นตามลำดับ โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจากันถึง 3 ครั้ง ผลที่ตามมาก็คือ การเปิดการติดต่อเชื่อมโยงโดยตรงทั้งสามด้านที่ตัดขาดกันมา 60 ปี ได้แก่การคมนาคมทางอากาศ  การเดินทางขนส่งทางเรือ และการไปรษณีย์ การผ่อนปรนกฎระเบียบด้านการลงทุน และส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ