xs
xsm
sm
md
lg

เอฟดีไอจีนเดือนเม.ย. ลดลงที่ 22.5 เปอร์เซ็นต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไฟล์ภาพ เครื่องกำลังทำงานในพื้นที่ก่อสร้างริมฝั่งแม่น้ำผู่ตงในนครเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2552 - รอยเตอร์
เอเยนซี – กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงในวันศุกร์(15 พ.ค.) ถึงยอดการลงทุนจากต่างประเทศของเดือนเมษายนตกต่อเนื่องเดือนที่7 ขณะที่บริษัทข้ามชาติลดฮวบสาเหตุวิกฤตเศรษฐกิจที่ผันผวน

โดยในแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนรายงานว่ามูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ เอฟดีไอ ประจำเดือนเมษายนอยู่ที่ 5,890 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือชะลอตัวลง 22.5 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่แล้ว ขณะที่เอฟดีไอในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ลดลงที่ 9.5 เปอร์เซ็นต์

ส่งผลให้มูลค่าเอฟดีไอในช่วง 4 เดือนแรกของจีนก็ขยายตัวลดลง 21 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 27,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่บริษัทต่างชาติหลายรายต่างก็ยกเลิก และเลื่อนแผนการลงทุนในโรงงาน หรือแม้แต่สินทรัพย์ต่างๆ เนื่องจากมูลค่าทางตลาดที่ยังคงซบเซา และเงื่อนไขหลายอย่างด้านการเงิน

อย่างไรก็ตาม มูลค่าการลงทุนเอฟดีไอในจีนที่ตกลงฮวบฮาบในเดือนเมษายนปีนี้ สืบเนื่องมาจากฐานการลงทุนเอฟดีไอของนักลงทุนต่างชาติในเดือนเมษายนของปีที่แล้วสูงเกือบ 53 เปอร์เซ็นต์ และถือเป็นการลดลงต่อเนื่องครั้งแรกในจีน นับตั้งแต่เศรษฐกิจของเอเชียเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปลายทศวรรษ 1990

สำหรับตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกที่ทางการจีนได้ประกาศไปในก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนรายใหญ่ในจีนเช่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และฮ่องกงต่างก็ลดการลงทุนอย่างฮวบอาบ แม้ว่าฮ่องกงจะเป็นแหล่งเงินทุนรายใหญ่ถึง 45 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม

ทั้งนี้ จีนซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตด้วยเลขสองหลักเพราะแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนของต่างประเทศ ขณะนี้เจอมรสุมทางเศรษฐกิจหลายด้าน เช่น บัณฑิตจบใหม่ที่มักจะมองหาตำแหน่งงานในบริษัทต่างชาติ ก็กลายเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะเดียวกันรัฐบาลยังต้องแบกรับภาระสร้างตำแหน่งงานจำนวนมหาศาลเพื่อรองรับกับแรงงานที่ล้นเกินตลาด

อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนก็ยังคงเป็นประเทศปลายทางที่ธุรกิจต่างๆ ให้ความสนใจ และเข้ามาพัฒนารุกเจาะตลาด ขนาดใหญ่ที่มีประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน เช่น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ บริษัทผู้ผลิตยาเวชภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงธุรกิจอาหารที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

รายงานตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศในจีนเมื่อปี 2551 มีมูลค่า 92,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัวที่ 23.6 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าการขยายตัวจะเริ่มซบเซาลงในช่วงปลายปีก็ตาม

“เศรษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับปัญหาเดียวกันคือผลผลิตที่ล้นเกิน จีนเองก็เช่นกัน และการที่เอฟดีไอลดลงนั่นก็เพราะความต้องการในตลาดโลกที่ชะลอตัว แต่มันไม่ได้หมายความว่าแรงดึงดูดทางเศรษฐกิจของจีนถดถอย ” เฉิน สี่ว์ นักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่งชี้แนะ และว่าแทนที่จะรอการลงทุนขาเข้าจากต่างประเทศ จีนได้เปลี่ยนกลยุทธ์ด้วยการหันไปลงทุนยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น