玩 (wán) อ่านว่า หวาน แปลว่าเล่น ในที่นี้หมายถึงลุ่มหลง
物 (wù) อ่านว่า อู้ แปลว่า สิ่งของ
丧 (sang) อ่านว่าซาง แปลว่า ทำลาย
志 (zhì) อ่านว่า จื้อ แปลว่า ความคิดสร้างสรรค์ ความมุ่งมั่น
ในสมัยชุนชิว เว่ยอี้กง ซึ่งเป็นเจ้าปกครองแคว้นคนที่ 14 แห่งรัฐเว่ย นั้น มีความชื่นชอบในนกกระเรียนยิ่งนัก วันทั้งวันมีนกกระเรียนอยู่ข้างกาย เฝ้าเลี้ยงดู หยอกล้อเล่นอย่างลุ่มหลงจนไม่มีแก่ใจที่จะคิดทำนุบำรุงบ้านเมือง ละเลยทุกข์สุขประชาราษฎร์ แต่กลับให้นกกระเรียนอยู่อย่างสุขสบาย พาไปไหนมาไหนด้วยรถม้าหรูหรา หรูหรายิ่งกว่ารถม้าของบรรดาขุนนางชั้นสูงทั้งหมด ทั้งยังต้องใช้เงินแผ่นดินในแต่ละปีไปไม่น้อยเพื่อเลี้ยงดูนกกระเรียนเหล่านี้ ทำให้บรรดาขุนนางไม่พอใจ ราษฎรพากันก่นด่า
659 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อมีศัตรูเข้ามารุกรานยังชายแดน เว่ยอี้กงได้มีคำสั่งให้กองทหารไปสู้รบป้องกันเมือง ทว่าบรรดาแม่ทัพกลับกล่าวด้วยความคับแค้นว่า “ในเมื่อในสายตาท่าน นกกระเรียนอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งและทรงคุณค่าเช่นนี้ ให้พวกมันไปรบแทนจะดีกว่า" เว่ยอี้กงอับจนหนทาง สุดท้ายจึงต้องนำทหารออกรบด้วยตนเอง แต่ด้วยความที่ไม่เคยใส่ใจในกองทัพ จิตใจไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ใต้บังคับบัญชา สุดท้ายสงครามพ่ายแพ้ เว่ยอี้กงเสียชีวิตในสนามรบ
สุภาษิต “หวานอู้ซางจื้อ” หมายถึง การลุ่มหลงในสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป ทำให้เกิดผลร้าย เพราะย่อมทำลายพลังในการคิดสร้างสรรค์และความใส่ใจต่อสิ่งที่เป็นประโยชน์อื่นๆ รอบข้างไปสิ้น