เอเอฟพี – กองทัพเรือจีนวางแผนพัฒนาเรือรบและเครื่องบินให้ทันสมัย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้มีระยะทางปฏิบัติการไกลขึ้น แนวทางวิเคราะห์ระบุว่า สิ่งนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าจีนไม่ยอมอ่อนข้อให้สหรัฐฯ และบรรดาชาติพันธมิตรทั้งหลาย
ทั้งนี้ มาจากคำสัมภาษณ์ของ พล.ร.อ.อู๋ เซิ่งลี่ ผู้บัญชาการกองทัพเรือจีน ที่ได้เปิดเผยแก่หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของรัฐบาลจีน ไชน่า เดลี่ ว่าฮาร์ดแวร์ที่จะพัฒนาในครั้งนี้ มีทั้งเรือรบต่อสู้ขนาดใหญ่ เรือดำน้ำแบบหลบหลีกที่สามารถปฎิบัติการณ์ได้ไกลขึ้น และเครื่องบินขับไล่ที่เร็วกว่าเสียง และยังจะมีจรวดพิสัยไกลที่แม่นยำขึ้น ตอร์ปิโดในทะเลลึก และการเพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยีทางการทหารทั่วๆ ไป
“กองทัพเรือยังจะก่อตั้งระบบป้องกันทางทะเลขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นในการป้องกันความมั่นคงทางทะเลและการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ” พล.ร.อ.อู๋ ระบุ
หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษไชน่า เดลี ที่รัฐบาลจีนมักใช้เป็นสื่อเพื่อส่งข่าวสารไปยังนานาชาติ ได้ตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของผู้บัญชาการทหารเรือดังกล่าวไว้ในหน้า 1 ของฉบับวันที่ 16 เม.ย.นี้พร้อมกับระบุว่า เป็นการให้สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีไม่บ่อยนักในประเทศจีน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารอีกรายหนึ่ง กล่าวกับไชน่า เดลี่ ว่าเรือรบขนาดใหญ่ที่พล.ร.อ.อู๋อ้างถึงนั้น เป็นแผนการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินที่ได้เผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีน นายเหลียง กวงเลี่ย เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อเดือนก่อนว่า จีนไม่ต้องการเป็นชาติมหาอำนาจเพียงรายเดียวที่ไม่มีเรือบรรทุกเครื่องบิน
การให้สัมภาษณ์ของพล.ร.อ.อู๋ครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าผู้นำจีนจะไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่ความไม่พอใจของสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรที่มีต่อจีน กรณีที่จีนเพิ่มศักยภาพทางทหารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ขณะที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน ได้ระบุไว้ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อเดือนก่อนว่า การเร่งพัฒนาอาวุธของกองทัพประชาชนจีนจะทำให้อำนาจทางทหารในเอเชียขาดความสมดุล และทางการจีนอาจใช้อำนาจทางทหารมาจัดการกับดินแดนที่มีความขัดแย้ง
รายงานของเพนตากอน ระบุอีกว่า จีนยังเดินหน้าลงทุนด้านการทหารและอาวุธทันสมัย จนทำให้ศักยภาพทางทหารของจีนแซงหน้าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียไปแล้ว และยังย้ำว่า จีนดำเนินการพัฒนากองทัพอย่างไม่โปร่งใสและให้ตัวเลขงบประมาณด้านการป้องกันประเทศต่ำกว่าความเป็นจริง
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จีนได้ประกาศว่างบประมาณทางทหารในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 15.3 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็น 472,900 ล้านหยวน (ราว 2.17 ล้านล้านบาท)