ไชน่าเดลี่/วอลสตรีท – แบงก์ ออฟ ไชน่า เผยผลประกอบการปี 2551 เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.42 แต่หากพิจารณาเฉพาะไตรมาส 4 กลับตกฮวบถึง 59% อันสะท้อนถึงวิกฤตเศรษฐกิจโลกกำลังส่งผลกระทบต่อธนาคารจีน พร้อมเตือนว่าปีนี้ธนาคารอาจเจอวิกฤตหนักกว่าเดิม
แบงก์ ออฟ ไชน่า (บีโอซี) ธนาคารใหญ่อันดับ 3 ของโลกในแง่ของมูลค่าตลาดเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (25 มี.ค.) ถึงผลประกอบการประจำปี 2551 ระบุว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.42 เป็น 64,360 ล้านหยวน (9,330 ล้านเหรียญสหรัฐ)
มูลค่าสินทรัพย์โดยรวมเมื่อสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 6.95 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.03 จากปีก่อนหน้า หนี้สินของธนาคารเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.63 เป็น 6.46 ล้านล้านหยวน โดยธนาคารให้เหตุผลที่ผลกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากการประหยัดต้นทุนและการปรับลดของภาษีรายได้
นอกจากนี้เมื่อปีที่แล้ว ทางธนาคารยังได้ปล่อยสินเชื่อ 3.3 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อย 15.63 ปีต่อปี ขณะที่ยอดเงินฝากในธนาคารเพิ่มขึ้น 15.95% เป็น 5.1 ล้านล้านหยวน
อย่างไรก็ตาม แม้ผลประกอบโดยรวมตลอดทั้งปีของแบงก์ ออฟ ไชน่าจะปรับตัวขึ้น แต่เมื่อพิจารณาเป็นรายไตรมาสจะพบว่า ผลกำไรไตรมาสที่ 4 เหลือ 4,420 ล้านหยวน (646.8 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลง 59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 10,770 ล้านหยวน อันสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจในประเทศ และบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกที่แย่ลงกำลังส่งผลกระทบต่อธนาคารจีน
ถึงแม้ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 จะแรงตก แต่ทางธนาคารก็ยังยืนยันว่า การขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศยังคงเป็นกลยุทธการลงทุนที่สำคัญของธนาคาร ถึงกระนั้นธนาคารก็ยอมรับว่าธุรกิจของธนาคารปีนี้อาจย่ำแย่กว่าเดิม เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และสินเชื่อที่ปล่อยไปยังตลาดต่างประเทศทำพิษนั่นเอง