xs
xsm
sm
md
lg

สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯส่อแววปะทุ ทั้งสองฝ่ายออกโรงโจมตีกันและกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา ขณะมาถึงสนามบินกรุงปักกิ่งวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามา ได้เยือนชาติเอเชียเป็นเที่ยวประเดิมหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว ในวันศุกร์ กลุ่มนิรโทษกรรมสากลแสดงความ “ผิดหวังอย่างมาก” ที่นางคลินตันกล่าวว่าจะมิให้ประเด็นสิทธิมนุษยชน อย่างเช่น ความขัดแย้งทิเบต เป็นอุปสรรคขัดขวางความร่วมมือระหว่างสองชาติ-ภาพรอยเตอร์
เอเยนซี่ – วิกฤตการเงินโลกส่งผลให้สัมพันธ์ด้านการค้าจีน-สหรัฐฯ เลวร้ายลง ต่างฝ่ายต่างโจมตีแนวทางแก้ไขปัญหาของอีกฝ่าย สงครามกีดกันทางการค้าส่อแววปะทุ เผยปีที่แล้ว สหรัฐฯขาดดุลการค้าจีนกว่า 2 ล้านล้านเหรียญ ด้านกลุ่มอุตสาหกรรมสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้มาตรการอุดหนุนผู้ส่งออกของจีน ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุ จีนถือไพ่เหนือกว่า เพราะครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อื้อซ่า

โดยวิวาทะของทั้งสองฝ่ายเริ่มด้วยข้อกล่าวหาจากรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ ที่ว่าทำให้ค่าเงินหยวนต่ำกว่าความเป็นจริง และยังว่า สหรัฐฯ จะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่อจีนเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ ตามมาด้วยการบริภาษอย่างเกรี้ยวกราดจากผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่ร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) โดยกล่าวหาว่าจีนใช้มาตรการต่างๆทั้งเงินให้เปล่า การปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ และการอุดหนุดสินค้า เพื่อช่วยเหลือการส่งออกของจีน

ขณะเดียวกัน จีนก็ได้ประนามข้อกำหนด ซื้อสินค้าอเมริกัน” ที่รวมไว้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยบอกว่าข้อกำหนดนี้เป็นยาพิษต่อการแก้วิกฤตเศรษฐกิจโลก และในที่ประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอสเมื่อไม่นานมานี้ นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ของจีน ได้กล่าวตำหนิว่า วิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้เป็นผลจากทุนนิยมที่ไร้การควบคุม โดยไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศสหรัฐฯ แต่อย่างใด

การเดินทางมาเยือนจีนเป็นครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศของ นางฮิลลารี รอดแฮม คลินตัน ในวันนี้ (20 กุมภาพันธ์) นอกจากจะเจรจากันในเรื่องการค้าทวิภาคีแล้ว ยังจะมีการนำเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (climate change) และสิทธิมนุษยชนมาเจรจาด้วย แต่เรื่องที่หลายฝ่ายจับจ้องคงหนีไม่พ้นการเจรจาด้านเศรษฐกิจ

อุตฯสหรัฐ ร้องรัฐบาลตอบโต้จีน

ที่ผ่านมา ทั้งสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลกทั้งคู่ ต่างออกมากล่าวถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการกีดกันทางการค้า แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติในเรื่องนี้เช่นกัน

“ทั้งสองฝ่ายต่างออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ควรมีการกีดกันทางการค้าเกิดขึ้น แต่เมื่อลงในรายละเอียดแล้วทั้งคู่ต่างก็กดดันซึ่งกันและกัน” นั่นเป็นคำกล่าวของ นายเจี่ย ชิ่งกั๋ว รองคณบดีภาควิชานานาชาติศึกษา มหาวิทยาลับปักกิ่ง

ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ โดยอย่างยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและสิ่งทอ ได้ออกมากดดันให้รัฐบาลของตนตอบโต้จีน ที่ซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจด้วยการส่งสินค้าราคาถูกมาตีตลาดสหรัฐฯ พร้อมกันนี้ คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ ได้เสนอให้ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าจากจีนเป็น 35 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อตอบโต้การอุดหนุนของจีน ขณะที่กลุ่มสิ่งทอได้กล่าวหาว่า ด้วยการอุดหนุนของรัฐบาลจีน ทำให้ในปีที่แล้วเครื่องนุ่งห่มจากจีนครองตลาดสหรัฐฯ ได้กว่า 50 เปอร์เซ็นต์

ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ระบุว่า เมื่อปีที่แล้วสหรัฐฯขาดดุลการค้าแก่จีนถึง 2,663,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 93,205,000 ล้านบาท) ถือเป็นตัวเลขขาดดุลที่เลวร้ายที่สุดของสหรัฐฯ

จีนปรับนยบ.เศรษฐกิจรับวิกฤต

ทางฝ่ายของจีนเองนั้น เมื่อสหรัฐฯ เริ่มประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจเมื่อปีก่อน จีนก็ทำการปฏิรูปนนโยบายเศรษฐกิจของตนบางประการ ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลจีนได้หันกลับไปอุดหนุนภาคการส่งออกอีกครั้ง หลังจากที่เปิดระบบการค้าเสรีมาตั้งแต่ยุคนายเติ้ง เสี่ยวผิง

นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนก็ได้เพิ่มอัตราจ่ายคืนภาษีมูลค่าเพิ่มถึง 5 เท่าตัว สำหรับสินค้าส่งออกระดับต่างๆ ตั้งแต่รองเท้าไปจนถึงเครื่องจักรและรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกันนี้ จีนก็ได้ยับยั้งไม่ให้ค่าเงินหยวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์ จนทำให้สหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนทำให้ค่าเงินของตนต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกของตนให้แข่งขันกับคู่แข่งชาวอเมริกันได้ และเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จีนก็ได้ลดภาษีส่งออกสำหรับสินค้าบางชนิด อาทิเช่น เหล็กกล้า สารเคมี เมล็ดพืช และผลิตภัณฑ์ปุ๋ย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่า การที่สหรัฐฯจะใช้นโยบายแข็งกร้าวในด้านเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้จีนนั้น ถือเป็นเรื่องที่อันตราย เนื่องจากขณะนี้จีนเป็นผู้ถือหุ้นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในตลาดสหรัฐฯ โดยจีนได้ไปลงทุนในตลาดพันธบัตรและรับจำนองหนี้ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 35 ล้านล้านบาท) และทางจีนก็ไม่เคยใช้การถือครองหุ้นจำนวนนี้มาข่มขู่สหรัฐฯ

หุ้นพันธบัตร ไพ่เหนือกว่าของจีน

ด้านนักวิจัยทางเศรษฐกิจของจีน นายเหม่ย ซินอี๋ว์ กล่าวว่า ในมุมมองของจีนนั้นมองว่า ข้อกล่าวหาจากรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เป็นเพียงการทดสอบปฏิกิริยาจากจีนเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นคณะบริหารของรัฐบาลนายโอบามาก็ได้ออกมาทำให้ทุกฝ่ายสงบอารมณ์ โดยบอกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่ได้ติดสินใจใดๆ ในเรื่องนี้ และในการโทรศัพท์พูดคุยกันระหว่าง นายโอบามาและประธานาธิบดีหู จิ่นเทา หลังจากนายโอบามาเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน ก็ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันในเรื่องนี้
“นั่นเป็นเพียงการทดสอบปฏิกิริยาจากจีน หากจีนมีท่าทีอ่อนข้อต่อข้อกล่าวหา สหรัฐฯก็จะยิ่งรุกไล่ ซึ่งจีนก็ไม่ได้มีท่าทีเช่นนั้น” นายเหม่ยกล่าว

แม้ว่าจีนกำลังประสบปัญหาการส่งออกที่ลดลงและกำลังต่อสู้กับปัญหาการว่างงาน แต่จีนก็พยายามหาโอกาสที่จะเพิ่มบทบาทของตนในระเบียบใหม่ของเศรษฐกิจโลก ที่ผ่านมาจีนได้เพิ่มการปล่อยกู้ให้หลายๆ ประเทศ เช่น จาไมก้า แทนซาเนีย และปากีสถาน คิดเป็นเงินหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จีนได้เริ่มกระบวนสร้างให้เงินหยวนมีค่ามาตรฐานเทียบเท่าเงินสกุลดอลล่าร์และยูโร และยังได้เซ็นสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน 8 ประเทศเพื่อให้จ่ายการซื้อสินค้าด้วยเงินหยวน และยังกระตุ้นให้หลายๆ ประเทศใช้เงินหยวนเป็นหนึ่งในเงินตราต่างประเทศระบบสำรองของประเทศนั้นๆ

หลังจากเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ นางฮิลลารี คลินตัน ได้ตัดสินใจเดินทางมาเยือน 4 ชาติตะวันออกไกลเป็นจุดหมายแรก หนึ่งในนั้นก็มีประเทศจีนรวมอยู่ด้วย โดยนางคลินตันได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า ต้องการเห็นความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ก้าวหน้า และต้องการหาลู่ทางความร่วมมือใหม่ๆ กับจีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามและมีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยเฉพาะ ความร่วมมือเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (climate change) และสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ นางคลินตันมองว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ในสมัยประธานาธิบดีบุชได้เน้นในเรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ครอบคลุมเนื้อหาอื่นที่กว้างกว่านั้น
เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วนางฮิลลารี่ คลินตัน เคยเดินทางมาเยือนจีนพร้อมอดีต

ประธานาธิบดีนายบิล คลินตัน ผู้เป็นสามี ในครั้งนั้นเธอได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมกลุ่มสตรีในกรุงปักกิ่ง โดยได้โจมตีจีนในเรื่องสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรี โดยเฉพาะนโยบายที่จีนอนุญาตให้ผู้หญิงมีลูกได้คนเดียว

เมื่อรัฐบาลจีนใช้มาตรการปราบปรามชาวทิเบตที่ลุกขึ้นมาประท้วงเมื่อปีที่แล้ว เธอก็ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีบุชคว่ำบาตรกีฬาโอลิมปิก 2008 ซึ่งจัดที่กรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ เธอยังได้วิจารณ์นโยบายด้านการค้าและการเงินของจีน โดยเฉพาะการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ไว้จำนวนมาก ซึ่งเธอบอกว่าการกระทำดังกล่าวของจีน ถือเป็นการกัดกร่อนอธิปไตยด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ ของรัฐบาลจีนมีถึง 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (24.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งนักลงทุนมองว่า จีนมีศักยภาพที่จะงัดข้อกับสหรัฐฯได้หากความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเลวร้ายลง
กำลังโหลดความคิดเห็น