xs
xsm
sm
md
lg

มองความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลโอบามา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป้ายโฆษณารับสมัครแคชเชียร์คนใหม่ เหนือปกนิตยสารรูปประธานาธิบดีคนใหม่แดนอินทรี บารัค โอบามา ในร้านขายหนังสือที่เมืองซีอันวันที่ 1 ก.พ.  ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา เรียกร้องระหว่างสนทนากับโอบามาครั้งแรก ผ่านทางโทรศัพท์ ขอให้สองฝ่ายร่วมมือกันต่อต้านลัทธิกีดกั้นการค้า -เอเอฟพี
เอเอฟพี – นักวิเคราะห์มองเห็นแววความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตึงเครียดอีกครั้งแน่ในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา ท่ามกลางแรงกดดันหนักหนาสาหัสจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ถึงกระนั้น ชาติมหาอำนาจทั้งสองคงจะทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อขจัดความแตกต่างระหว่างสองฝ่าย

ฌ็อง-ปิแอร์ กาเบอสต็อง ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนประจำมหาวิทยาลัยแบปติสต์ ของฮ่องกงชี้ว่า รัฐบาลจีนเองก็ทราบว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ จะประสบความยุ่งยากกว่าเดิมในหลายประเด็น ซึ่งรัฐบาลโอบาม่าจะแข็งกร้าวมากขึ้น เช่นเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการค้า

นอกจากนั้น ยังมีแนวโน้ม ที่จะเกิดการกีดกันทางค้าขึ้น โดยพรรคเดโมแครตจะดำเนินการปกป้องตำแหน่งงานของชาวอเมริกันยิ่งกว่ารัฐบาลสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช

ประธานาธิบดีโอบามาได้รอเวลาจนครบวันที่ 11 ของการเข้ารับตำแหน่ง จึงได้ต่อสายโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ผู้นำแดนมังกร เรื่องหนึ่งที่นำมาคุยได้แก่กรณี ที่สหรัฐฯ เป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับจีนอย่างมหาศาล

โอบามา “ ได้ย้ำว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าในโลก เช่นเดียวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต ตลอดจนสร้างสภาพคล่องในตลาดสินเชื่อ” โรเบิร์ต กิบบ์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผย

แม้แต่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์เอง ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ยังกล่าวหาจีนว่าเป็นนักปั่นเงิน ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำรุนแรงกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว เมื่อเขาตำหนิที่จีนเข้าควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนอย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ หลายชุดที่ผ่านมา ได้กล่าวหารัฐบาลจีนมานานแล้วว่าจงใจทำให้เงินหยวนอ่อนค่า เพื่อให้ผู้ส่งออกของตนได้เปรียบ ซึ่งยิ่งทำให้ความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ถ่างกว้าง

อย่างไรก็ตาม ฌ็อง-ฟร็องซัวส์ ดิ เมกลิโอ รองประธานศูนย์เอเชีย ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการในกรุงปารีส กลับมองว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด ที่ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯในปัจจุบันจะออกมาในรูปนี้ เพราะเป็นแบบฉบับเมื่อเริ่มเข้าบริหารประเทศ ของพรรคเดโมแครต และต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะปรับปรุงดีขึ้น

นอกจากนั้น นักวิเคราะห์ยังชี้ว่า แม้พรรคเดโมแครตน่าจะผ่อนปรนกับจีนเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นประเด็นละเอียดอ่อนตลอดกาล น้อยกว่ารัฐบาลบุช แต่“มันจะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ต้องตกราง”

ด้านจีนนั้นก็ได้สื่อท่าทีบางอย่างของตนให้รัฐบาลโอบามาได้รู้สึกแล้วเช่นกัน กรณีที่เห็นได้ชัดเจน เมื่อคราวสถานีโทรทัศน์ของทางการจีนได้ตัดสุนทรพจน์พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโอบาม่าในตอนที่เขาระบุถึงลัทธิคอมมิวนิสต์และระบอบการปกครองว่าปิดปากฝ่ายตรงข้ามออกไป

อย่างไรก็ตาม จีนยืนยันว่าการขยายความร่วมมือกับสหรัฐฯ เป็นสิ่งจำเป็น

“ความสัมพันธ์ที่สันติและสอดคล้องกันจะทำให้ทั้งสองเป็นผู้ชนะ ขณะที่ความสัมพันธ์ในแบบเผชิญหน้าจะทำให้พ่ายแพ้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย” นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ใช้เวทีการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ที่เมืองดาวอส, สวิตเซอร์แลนด์ ฝากคำพูดไปถึงรัฐบาลสหรัฐฯ

ขณะที่ประธานาธิบดีหูได้แสดงความหวังกับประธานาธิบดีโอบามาว่าชาติทั้งสองจะร่วมมือกันมากขึ้นในด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และต่อต้านการกีดกันทางการค้า

นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยปักกิ่งผู้หนึ่งชี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อทั้งสองฝ่ายคุ้นเคยกันมากขึ้น และรัฐบาลโอบามาก็มีบุคคลหน้าใหม่ ๆ เข้ามาทำงานไม่กี่คน

ขณะเดียวกัน ยังเกิดนิมิตหมายความสัมพันธ์ที่งอกงาม โดยเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐฯ ได้เปิดสถานทูต ซึ่งเป็นสถานทูตใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง

ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีนคนปัจจุบันคือนายหยาง เจี๋ยฉี อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน

การผงาดของจีนและอิทธิพลที่มีมากขึ้นต่อหลายปัญหา นับตั้งแต่กรณีอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ, ปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน ตลอดจนปัญหาโลกร้อน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกของรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามา ดังนั้น การเจรจาจึงเป็นวิธีการ ที่จะยิ่งมีความจำเป็น ที่สหรัฐฯ ต้องนำมาใช้กับจีน

และเมื่อวิกฤตการเงินโลกจางหายไปแล้ว นักวิเคราะห์เชื่อว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด และใหญ่อันดับ 3 ในโลก จะยิ่งสนิทสนมกลมเกลียวกันทีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น