xs
xsm
sm
md
lg

พญามังกรประกาศลั่น ทิเบต ไต้หวัน สหรัฐฯ ภัยคุกคามร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทัพจีนเป็นกองทัพที่มีกำลังพลมากที่สุดในโลกถึง 2.3 ล้านคน ในภาพเป็นพิธีปลดประจำการประจำปี 2008 ของกองทัพเรือ (ภาพ-เอเอฟพี)
เอเยนซี่ – รัฐบาลจีนออกรายงานว่าด้วยการป้องกันประเทศ ระบุขบวนการเรียกร้องเอกราชในไต้หวัน, ทิเบต และภูมิภาคซินเจียง เป็นภัยคุกคามใหญ่ ขณะที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้ไต้หวัน กำลังทำลายเสถียรภาพในเอเชีย

รายงานประจำปีของกระทรวงกลาโหมจีน ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ระบุว่า สถานการณ์ด้านความมั่นคงของจีนดีขึ้นเรื่อยๆ ตามเศรษฐกิจของจีนที่พัฒนามากขึ้น แต่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวัน ,ทิเบต และซินเจียง ยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ

“ในประเด็นความมั่นคงและบูรณภาพแห่งดินแดนนี้ เราจะไม่มีการประนีประนอมและยินยอมใดๆทั้งสิ้น” นายพลหู ฉางหมิง โฆษกประจำกระทรวงกลาโหมจีน กล่าวในงานแถลงข่าวของกระทรวงฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าเฉิน สุยเปียน อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน กำลังจะถูกดำเนินคดีในข้อหาคอร์รับชั่น แต่บรรดาผู้สนับสนุนเฉิน สุยเปี่ยน ที่ต้องการแยกไต้หวันเป็นเอกราชก็ยังมีอยู่หนาแน่นในไต้หวัน และทางการจีนมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อเอกภาพของจีน

ในเขตปกครองตนเองทิเบต และเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเจียง (ซินเกียง) กลับมีความรุนแรงมากกว่า โดยนับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐฯ สมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประกาศทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายเมื่อปี 2001 รัฐบาลจีนก็กล่าวว่า ตนกำลังเผชิญกับความเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราชโดยผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีการจัดตั้งเป็นขบวนการในซินเจียง ดินแดนที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมัน และเป็นถิ่นอาศัยของชนกลุ่มน้อยเชื้อสายอุยกูร์

ขณะที่เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ได้เกิดการจลาจลนองเลือดในทิเบต จนจีนต้องส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามอย่างเด็ดขาด โดยกล่าวหาองค์ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวทิเบตว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และในปีนี้ จีนต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดว่า อาจเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นอีก เนื่องจากเป็นวาระครบรอบ 50 ปีที่ ทะไล ลามะหนีไปลี้ภัยในอินเดีย
 
การซ้อมต่อต้านการก่อการร้ายของหน่วยทหารในเขตปกครองตนเองซินเจียง พื้นที่หนึ่งซึ่งจีนระบุว่ามีความเสี่ยงภัยคุกคามจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
 
เรียกร้องโอบามา เลิกขายอาวุธให้ไต้หวัน

กระทรวงกลาโหมจีน ยังเรียกร้องไปยังนายบารัค โอบามา ที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี สหรัฐฯ ในวันเดียวกับที่กระทรวงกลาโหมจีนแถลงข่าวรายงานประจำปีว่า ต้องการให้ทั้งสองประเทศร่วมมือทางทหารกันอย่างเข้มแข็งมากขึ้น โดยโฆษกกระทรวงกลาโหมจีน ระบุว่า มีความยากลำบากหลายอย่างที่จะสร้างสัมพันธ์ทางทหารกับมหาอำนาจของโลก อย่างสหรัฐฯ

“เราหวังว่า จีนและสหรัฐฯ จะสามารถสร้างเงื่อนไขที่น่าพึงพอใจ อันจะนำไปสู่การพัฒนาและสนับสนุนความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างกัน” นายพลหู ฉางหมิง โฆษกประจำกระทรวงกลาโหมจีน กล่าว

ทั้งนี้ “เงื่อนไขที่น่าพึงพอใจ” ที่ฝ่ายจีนอ้างถึง ก็คือ การที่สหรัฐฯยังคงขายอาวุธให้กับไต้หวัน ซึ่งทางการจีนต้องการให้ยุติลง

ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศโครงการขายอาวุธมูลค่า 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้ไต้หวัน อันประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์โจมตีอาปาเช่ 30 ลำ , ขีปนาวุธแพตทริออต 330 ลูก และขีปนาวุธฮาร์พูน 32 ลูก ซึ่งสามารถยิงจากเรือดำน้ำได้ โดยฝ่ายสหรัฐฯอ้างว่า มีข้อรับรองทางกฎหมายให้ช่วยเหลือไต้หวันในการป้องกันประเทศ แต่สุดท้ายแล้วโครงการนี้ก็ต้องเลื่อนออกไป เพราะถูกทางการจีนประท้วง

ในรายงานยังระบุว่า จีนต้องหาทางถ่วงดุลอำนาจกับสหรัฐฯ ในด้านการทหารที่แทรกแซงเข้ามาในเอเชีย โดยชี้ว่าความสนใจด้านยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนับวันจะเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งสหรัฐฯ ยังได้รวบรวมประเทศพันธมิตรทางทหาร, ปรับโยกย้าย และขยายขีดความสามารถของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้

“จีนกำลังเผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่ของประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่เหนือกว่าเราทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และการทหาร เราต้องเตรียมรับการโยกย้ายทางยุทธศาสตร์และการปิดล้อมจากโลกภายนอก” รายงานของกระทรวงกลาโหมจีน ระบุ

คำว่า “ปิดล้อม” ที่รายงานอ้างถึง มีนัยยะถึงพรมแดนอันกว้างใหญ่ของจีน ซึ่งล้อมรอบด้วยมหาอำนาจ เช่น รัสเซีย, อินเดีย และ พันธมิตรของสหรัฐฯ อย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน
การซ้อมรบของกองทัพไต้หวัน เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2008 ทั้งนี้จีนระบุว่ากลุ่มที่ต้องการแยกไต้หวันเป้นเอกราชเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของจีน
 
เพิ่มงบฯทหาร สร้างกองทัพไฮเทค

ในรายงานของกระทรวงกลาโหม ยังระบุค่าใช้จ่ายด้านการทหารไว้ด้วย โดยพยายามแสดงให้เห็นว่า จีนจะใช้กำลังทหารก็เพื่อการป้องกันประเทศ และรักษาบูรณภาพของดินแดนเท่านั้น

งบประมาณทางทหารของจีนปี 2009 ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา แต่งบประมาณทางทหารปี 2008 มีมูลค่า 418,000 ล้านหยวน หรือ 61,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17.6% จากปีก่อนหน้า

จีนอ้างว่า งบประมาณทางทหารของตนน้อยกว่าของสหรัฐฯมากนัก โดยงบประมาณทางทหารของสหรัฐฯ ปี 2009 สูงถึง 515,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังไม่รวมงบพิเศษอีกหลายพันล้านเหรียญฯ ที่ใช้ทำสงครามในอิรัก และอัฟกานิสถาน ตลอดจนงบพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

แต่นักวิเคราะห์ต่างชาติระบุว่า ตัวเลขจริงของงบประมาณทางทหารจีน อาจสูงกว่านี้ถึง 3 เท่าตัว เพราะในรายงานมิได้เอ่ยถึงการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งที่ผ่านมานายทหารจีนเคยระบุว่า กำลังพิจารณากันอยู่ แต่รายงานก็ได้ระบุอย่างชัดเจนสำหรับในส่วนของกองทัพเรือว่า กำลังมีความพยายามสร้างเรือดำน้ำ, เรือพิฆาต, เรือฟริเกต และเครื่องบินรุ่นใหม่ ๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น