อุปสงค์นำเข้าน้ำมันดิบจีนร่วง สวนทางราคาโลกดิ่งหนัก

เอเชียน วอลสตรีท – จีนลดการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนพฤศจิกายนต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบปีนี้ สะท้อนแล้วว่าเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง และอาจนำไปสู่อุปสงค์น้ำมันที่จะลดลงอย่างรุนแรง

ขณะที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่า การที่จีนซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลกได้ลดปริมาณการใช้น้ำมันลงอย่างรวดเร็ว จะส่งผลให้ภายในอีก 2 ปีข้างหน้าปริมาณน้ำมันดิบจากทั่วโลกก็จะลดตามด้วย ซึ่งจุดนี้จะยังผลโดยตรงต่อกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ที่จะไม่สามารถปรับตัวตามปริมาณการใช้ทั่วโลกที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และอาจก่อให้เกิดอุปทานล้นเกินอุปสงค์

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ด้วยว่า ราคาน้ำมันของปีหน้ามีสิทธ์ร่วงลงมาต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ฝั่งกรมศุลกากรจีนเผยสถิติเบื้องต้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายนจีนนำเข้าน้ำมันดิบที่ระดับ 13.36 ล้านตัน หรือเฉลี่ยนำเข้า 3.26 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลง 17.3 % จากเดือนตุลาคม และลดลง 13.61 ล้านตัน หรือ 1.8 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดการส่งออกน้ำมันดิบของจีนในเดือนที่แล้วอยู่ที่ 210,000 ตัน

ด้านพอล ทิงนักวิเคราะห์แนวโน้มการใช้น้ำมันของจีน กล่าวว่า ปริมาณการใช้น้ำมันในจีน ณ เวลานี้ลดลงมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่วิกฤตน้ำมันปี 1980 ในสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาความต้องการใช้น้ำมันที่เติบโตในประเทศจีน อินเดีย และประเทศในแถบตะวันออกกลางเป็นตัวขับเคลื่อนให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกทะยานสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในรอบ 7 ปี ขณะเดียวกัน ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาในปีนี้เอง ปริมาณการใช้น้ำมันในกลุ่มประเทศดังกล่าวลดลงอย่างรวดเร็ว จึงถือเป็นปัจจัยหลักตัวหนึ่งที่ถ่วงให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลง

สำหรับแนวโน้มความต้องการน้ำมันในจีนที่ลดลง เกิดจากสาเหตุหลายประการ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงเรื่อยมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ทว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปในจีนกลับไม่ปรับตามราคาตลาดโลก เนื่องจากรัฐบาลยังคงควบคุมราคาน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศอยู่ จนช่องโหว่ของราคาน้ำมันในตลาดโลกและในประเทศต่างกันลิบลับ ลดแรงดึงดูดการลงทุนในกลุ่มวิสาหกิจแปรรูปน้ำมัน จนนำไปสู่การลดการผลิต

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังมองว่า จีนกำลังถือโอกาสในช่วงที่น้ำมันมีราคาถูกเพื่อกักเก็บและสำรองน้ำมัน ซึ่งอาจจะมีส่วนทำให้จีนงดการนำเข้าน้ำมันดิบ แต่อย่างไรก็ตาม คงไม่อาจชดเชยกับความต้องการภายในประเทศที่ชะลอตัวลง

ด้านสำนักข่าวซินหัวระบุว่า เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศลดลง ส่งผลให้น้ำมันของสองยักษ์ผู้ผลิตน้ำมันในจีนอย่างไชน่า เนชั่นแนล แอนด์ ปิโตรเลียม คอร์ป (CNPC) และไชน่า ปิโตรเคมีคัล คอร์ป(ซิโนเปค) มีน้ำมันเบนซินและดีเซลคงคลังถึง 33.1 และ 46.8 ล้านตัน ตามลำดับ