เอเอฟพี – จีนประกาศตัวเลขเกินดุลการค้าประจำเดือนตุลาคมทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ยอดส่งออกยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางภาวะวิกฤติการเงินโลก
สำนักงานศุลกากรจีนรายงานเมื่อวันพุธ(12 พ.ย.)ว่า ยอดเกินดุลการค้าในเดือนตุลาคมของจีนอยู่ที่ระดับ 35,200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยอดส่งออกขยายตัวที่ร้อยละ 19.2 หรือ 128,300 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการส่งออกสินค้าไปยังลาตินอเมริกายังคงแข็งแกร่ง โดยยอดส่งออกในช่วง 9 เดือนแรกขยายตัวที่ร้อยละ 52 หรือ 111,500 ล้านเหรียญฯ แม้ว่าความต้องการในยุโรปจะชะลอตัวลง สำหรับยอดนำเข้าในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 93,100 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6
“เนื่องจากยอดนำเข้าลดลงในปริมาณมาก จึงส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างสูง” หลี่ ฮุ่ยหย่งนักเศรษฐศาสตร์จากเสิ่นหยิน วั่นกั๋ว ซีเคียวริตี้ในเซี่ยงไฮ้กล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า ลาตินอเมริกานับเป็นตลาดส่งออกและเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญของจีน ซึ่งขณะนี้ความร่วมมือทางการค้าของทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี
วันเดียวกันนี้ กรมสถิติจีนก็ระบุว่า ยอดค้าปลีกในเดือนตุลาคมก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากปีก่อนหน้า แตะระดับ 146,000 ล้านเหรียญฯ ลดลงเล็กน้อยจากที่ขยายตัวร้อยละ 23.2 ในเดือนกันยายน แต่โดยรวมแล้วถือว่าเศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวได้อีก แม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกก็ตาม
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ระบุตัวเลขการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ(เอฟดีไอ)ในช่วงมกราคม - ตุลาคมหรือ 10 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัวที่ร้อยละ 35.1 โดยมีมูลค่าถึง 81,100 ล้านเหรียญฯ อย่างไรก็ตามทางการจีนไม่ได้ระบุตัวเลขเอฟดีไอเฉพาะของเดือนตุลาคม
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนประกาศอัดฉีดงบใช้จ่าย 586,000 ล้านเหรียญฯ สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มความต้องการของผุ้บริโภคภายในประเทศเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความพยายามเพื่อฟื้นความเชื่อมั่น ขณะที่เศรษฐกิจของจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกกำลังสะดุด และความเคลื่อนไหวในแผนนี้เองจะช่วยพยุงให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนข้างหน้า