เอเจนซี—การสานสัมพันธภาพจีนและไต้หวัน เดินหน้าไปคืบใหญ่ เมื่อเฉิน หยุนหลิน ผู้นับได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดจากแผ่นดินใหญ่ มาเยือนไต้หวันครั้งแรกในรอบ 60 ปี เพื่อเจรจาขยายสัมพันธ์ระหว่างสองดินแดน ท่ามกลางบรรยากาศไม่สู้ดีสืบเนื่องจากกลุ่มสนับสนุนอิสภาพไต้หวันจำนวนมหาศาลแห่ประท้วงนโยบายจีนของประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว
เฉิน หยุนหลินหัวหน้าสมาคมเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบไต้หวัน (ARATS) ซึ่งเป็นหน่วยงานกึ่งทางการของจีน ได้เดินทางมาถึงไทเปในวันจันทร์(3 พ.ย.) พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่และกลุ่มธุรกิจ มากกว่า 60 คนซึ่งเป็นการเยือน 5 วัน ผู้แทนทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเจรจากันในวันอังคาร(4 พ.ย.) ซึ่งเฉินกล่าวเมื่อมาถึงไทเปว่าการเจรจาเป็นหนทางเดียว ที่จะสร้างความเชื่อใจกันระหว่างสองอดีตคู่อริ และการกระชับสัมพันธ์เศรษฐกิจและสันติภาพ อันเป็นเป้าหมายใหญ่ในการพูดคุยครั้งนี้
ในเวลาต่อมา สำนักข่าวกลางของทางการไต้หวัน (ซีเอ็นเอ) เผยว่าทั้งสองฝ่ายได้ตกลงเพิ่มเที่ยวบินผู้โดยสารโดยตรง เป็น 3 เท่า เท่ากับสัปดาห์ละ 108 เที่ยว ตลอดจนขยายบริการรองรับในเมืองต่างๆ ในจีน 16 เมือง โดยซีเอ็นเอบอกว่าทั้งสองได้ตกลงกันระหว่างการประชุมรอบเตรียมการก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการในวันอังคาร ซึ่งจะมีพิธีลงนามข้อตกลงในตอนบ่าย ระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนเฉิน หยุนหลิน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายไต้หวัน เจียง ปิ่งคุน ประธานมูลนิธิความเชื่อมโยงระหว่าง 2 ฝากฝั่ง
สำหรับเป้าหมายการเจรจาครั้งนี้ จะสานต่อประเด็นการเจรจาครั้งแรกระหว่างทั้งสองในกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้แก่ การขยายการเชื่อมโยงระหว่างกันโดยตรง ทั้งนี้ จีนและไต้หวันได้ตัดขาดการติดต่อกันโดยตรง 3 ด้านมาตั้งแต่ผู้นำเจียง ไคเช็คแห่งพรรคกั๋วหมินตั๋ง หรือก๊กหมินตั๋ง นำกำลังมาตั้งหลักใหม่และตั้งรัฐบาลแตกต่างหากที่เกาะไต้หวันหลังพ่ายสงครามกลางเมืองเมื่อปี ค.ศ. 1949
สำหรับในการเจรจาครั้งแรกที่ปักกิ่ง ทั้งสองตกลงการเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างกัน แต่ก็เป็นไปอย่างจำกัด อาทิ การเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกันซึ่งมีเฉพาะสุดสัปดาห์เท่านั้น โดยไม่ต้องแวะดินแดนที่สามได้แก่ ฮ่องกงเหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินก็ยังต้องเสียเวลาบินอ้อมน่านฟ้าของดินแดนที่สาม ก่อนจะมาลงที่สนามบินของอีกฝ่าย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ยกเลิกข้อห้ามการท่องเที่ยวของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ไปยังไต้หวัน แต่ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัดที่ทางจีนใหญ่กำหนดตามมา ทั้งนี้ หลังข้อตกลงเชื่อมโยงกันโดยตรงในเดือนมิถุนายน ไม่ส่งเสริมการติดต่อระหว่างกันนัก ชาวจีนไปเที่ยวไต้หวันไม่ถึง 1,000 คน
ขณะที่เศรษฐกิจของไต้หวันมีแต่แย่ลง ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว ซึ่งเพิ่งกินตำแหน่งประมุขเกาะมาได้ 5 เดือน ถูกโจมตีทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและนโยบายกระชับสัมพันธ์จีน ตลอดจนกรณีนมปนเปื้อนเมลามีนจากจีน พร้อมกับคะแนนนิยมหม่า ร่วงจากร้อยละ60.5 ในเดือนเมษายน ขณะนี้เหลือแค่ร้อยละ 23.6 และในวันที่ 25 ตุลาคม มีการประท้วงชาวไต้หวันมากกว่าครึ่งล้านคนต่อต้านผู้นำหม่า และเรียกร้องอิสรภาพไต้หวัน ไต้หวันจึงระดมตำรวจถึง 7,000 นาย คอยระวังกลุ่มประท้วงระหว่างที่เฉินเยือนไทเป
อย่างไรก็ตาม การเจรจาอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนทางจิตวิทยาที่สำคัญได้แก่ทัศนะที่จีนสองดินแดนมองกัน
ทั้งนี้ จีนเห็นตลาดส่งออกใหญ่สุดของไต้หวัน โดยการส่งออกไต้หวันไปยังจีน มีมูลค่าทั้งสิ้น 73,870 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างมกราคมถึงสิงหาคม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 ของการส่งออกทั้งหมดของไต้หวัน.