เอเจนซี – ผู้ประกอบการโรงแรมชั้นแนวหน้าไม่หวั่นปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซบเซา ยังเดินเครื่องแผนลงทุนโรงแรมในแดนมังกรต่อ เพราะมั่นใจโครงสร้างเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง และวิกฤตเศรษฐกิจโลกจะไม่กระเทือนกระเป๋าผู้บริโภคจีน
แม้วิกฤตการเงินและสินเชื่อจะทำให้อุตสาหกรรมโรงแรมในประเทศต่างๆ เผชิญผลกระทบหนักหน่วงเพียงไร แต่กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมก็ยังมั่นใจในตลาดจีน โดยล่าสุดมีโรงแรมชั้นนำระดับโลกอย่างน้อย 2 รายเปิดเผยว่าได้ตัดสินใจขยายธุรกิจในประเทศจีน โดย Actis บริษัทกองทุนเอกชนในตลาดเกิดใหม่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (16 ต.ค.) ได้อัดฉีดเงิน 65 ล้านเหรียญสหรัฐให้แก่บริษัท เซเว่น เดย์ส อินน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงแรมราคาประหยัดในเมืองกว่างโจว มณฑลกว่างตง ขณะที่มอร์เบิร์ก พินกัส บริษัทกองทุนเอกชนอีกรายก็จะร่วมลงทุนในข้อตกลงนี้ด้วย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
“เราคิดว่าโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีนยังเข้มแข็งมาก และตอนนี้เราก็สนใจลงทุนในอุตสาหกรรมโรงแรมราคาประหยัดของจีนมาก” หลิน เมิ่งอัน ผู้อำนวยการบริษัท Actis ในประเทศจีนกล่าว
ด้าน Accor Group ผู้ประกอบการโรงแรมของฝรั่งเศสก็ยังคงเดินตามแผนเดิมที่ตั้งเป้าขยายโรงแรมในแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า และฮ่องกงเพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็น 180 แห่งภายในปี 2010 โดยแผนดังกล่าววางไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว นอกจากนี้บริษัท อินเตอร์คอนทิเนนทอล โฮเต็ล กรุ๊ป ก็เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า บริษัทได้ลงนามข้อตกลงบริหารโรงแรม 6 แห่งในจีน ซึ่งสร้างโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซื่อเม่า พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ พร้อมกับเปิดเผยว่าทางโรงแรมมีแผนจะเปิดตัวโรงแรมบูติกแห่งแรกในเอเชียภายใน 18 เดือนข้างหน้า
“เรามั่นใจในอนาคตระยะยาวของจีน เพราะผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนนั้นมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ที่สำคัญ เช่น การก่อสร้างถนนไฮเวย์และสนามบิน” ปีเตอร์ โกเวอร์ส ซีอีโอของ ไอเอชจี เอเชีย แปซิฟิก กล่าว
แม้ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจีนในปีนี้ไม่ค่อยแน่นอน และทางการยังคาดการณ์ว่าการเติบโตอาจชะลอตัว แต่กลุ่มนักวิเคราะห์ยังเชื่อมั่นว่า ความต้องการท่องเที่ยวในตลาดจีนจะยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากผู้บริโภคไม่ค่อยรู้สึกกดดันจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ยังเชื่อว่า จีดีพีของจีนปีนี้น่าจะขยายตัวประมาณ 10% และลดเหลือ 9% ในปี 2009 แม้ว่าจะลดลงจาก 11.9% เมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ยังสูงกว่ามาตรฐานโลก
โดยสาเหตุที่ทำให้การท่องเที่ยวจีนชะลอตัวนั้น น่าจะมาจากเหตุแผ่นดินไหวเสฉวนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และการคุมเข้มวีซ่านักท่องเที่ยวช่วงโอลิมปิก แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์เชื่อว่าหลังจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะกระเตื้องขึ้น และกระตุ้นให้การท่องเที่ยวอินบาวน์ และอุตสาหกรรมโรงแรมฟื้นกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เห็นได้ว่าผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่นั้นยังคงเชื่อมั่นในอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในจีน ตรงกันข้ามกับประเทศอื่นๆ ซึ่งคาดผู้บริโภคจะเผชิญกับปัญหาเงินตึงมือ รายได้ลดลง ส่งผลให้ปริมาณผู้เข้าพักในโรงแรมลดตาม โดยจากการศึกษาของบริษัท พีเคเอฟ ฮอสปิตอลิตี้ รีเสิร์ชในแอตแลนต้า ที่เปิดเผยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาระบุว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้าปริมาณผู้เข้าพักในโรงแรมสหรัฐฯ จะลดลงอีก หลังจากประสบปัญหาดังกล่าวไปเมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่บริษัทที่ปรึกษาและตรวจสอบบัญชี Deloitte ได้เปิดเผยผลการศึกษาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (15 ต.ค.) ว่า ในไม่กี่เดือนข้างหน้าบรรดาผู้ประกอบการโรงแรมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอาจเผชิญกับความท้าทาย เมื่อวิเคราะห์จากสูตรรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (Revenue per available room) ทั่วเอเชีย-แปซิฟิกขยายตัวด้วยตัวเลข 2 หลักจนถึงเดือนพฤษภาคม แต่หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมการขยายตัวของรายได้ก็ทรุดฮวบเหลือเลขหลักเดียว