เอเจนซี--ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชเปิดอาคารสถานทูตหลังใหม่ในกรุงปักกิ่งเช้านี้(8 ส.ค.) ก่อนเข้าร่วมพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เกมส์ นับเป็นตึกสถานทูตสหรัฐฯในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด และเป็นสัญลักษณ์ของการให้สำคัญมากขึ้นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง
ก่อนหน้าไม่กี่วันมานี้ จีนก็ได้เปิดสถานทูตหลังใหม่สุดทันสมัยอลังการในวอชิงตันเช่นกัน สำหรับอาคารสถานทูตสหรัฐฯหลังใหม่ในปักกิ่งนี้ ก็อลังการทันสมัยไม่น้อยหน้าเหนือพื้นที่ 10 เอเคอร์ หรือราว 25 ไร่ มีรูปปั้นแกะสลักเป็นดอกทิวลิปยักษ์เล่นสีสันเทคนิกคัลเลอร์ ออกแบบโดยศิลปินอเมริกัน Jeff Koons ตั้งตระหง่านดึงดูดสายตาผู้ผ่านไปมา
“อาคารสถานทูตแห่งใหม่นี้ ประกาศชัดถึงความสัมพันธ์ของเรากับจีน สะท้อนถึงพื้นฐานอันแข็งแกร่งในความสัมพันธ์ และสัมพันธสัญญาการขยายความสัมพันธ์ในอนาคต” บุชกล่าว
ในพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯในปักกิ่งแห่งนี้ ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากแดนอินทรีเข้าร่วมในพิธี ได้แก่ ประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุชผู้พ่อ และอดีตรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศคนดังเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ผู้ผลักดันการสถาปนาสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ปิดฉากการเป็นปฏิปักษ์ระหว่างค่ายลัทธิแห่งยุคสงครามเย็น
สำหรับอาคารสถานทูตหลังเก่าของสหรัฐฯในปักกิ่งนั้น ยังเคยเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์จลาจลสืบเนื่องจากการประท้วงของกลุ่มนักศึกษาจีนนับร้อยคนเมื่อปี 1999 หลังจากที่สหรัฐฯบอมบ์สถานทูตจีนในเบลเกรด ซึ่งนับเป็นการประท้วงที่จีนไม่อนุญาตให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
ก่อนเข้าร่วมพิธีเปิดโอลิมปิก เกมส์ที่สนามกีฬาแห่งชาติ “รังนก” ไม่กี่ชั่วโมง บุชยังไม่วายสวดจีน เรื่องสิทธิมนุษยชน หลังจากที่ได้แถลงตำหนิไปวันก่อนหน้า (7 ส.ค.) ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ศูนย์ประชุมสิริกิตต์ กรุงเทพฯ โดยคราวนี้ บุชได้หยิบยกประเด็นสิทธิเสรีภาพทางศาสนา และเสรีภาพสื่อ
“เราขอพูดอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันความเชื่อของเราว่าประชาชนทุกคนจักต้องมีเสรีภาพในการพูดหรือนับถือศาสนา และเชื่ออย่างเหนียวแน่นว่าสังคมที่มีเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการพูด จะมีอนาคตรุ่งโรจน์และสันติ” บุชกล่าวในพิธีเปิดสถานทูต
ขณะเดียวกัน บุชก็ถูกกลุ่มรณรงค์ด้านสิทธิด้านต่างๆและบรรดาสว.ในวอชิงตัน วิพากษ์วิจารณ์เรื่องเข้าร่วมพิธีเปิดโอลิมปิก เกมส์ในปักกิ่ง โดยชี้ว่าการเข้าร่วมฯ เท่ากับเป็นการให้เครดิตแก่รัฐบาลจีน ซึ่งมีประวัติมัวหมองเรื่องสิทธิมนุษยชนและสิทธิการนับถือศาสนา ด้านประมุขอินทรีโต้ตอบว่า เขามีเป้าหมายมาเชียร์นักกีฬาอเมริกัน และก็ได้จับเข่าคุยกับผู้นำจีนอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับปัญหาเสรีภาพทางศาสนาและสิทธิมนุษยชนในจีนหลายครั้ง.