ด้วยค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิ่วแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลมีเงินเดือนให้ใช้ กระนั้นก็ไม่เพียงพอที่จะนำมารักษาอาการป่วยของลูกรักได้
เหล่ย เหรินเฟิ่น รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการพลเรือนประจำอำเภอเหวินซันโจวโฉ มณฑลหยุนหนัน ว่ากันว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ประชาชนยากจนที่สุด มีคนจำนวนไม่น้อยที่เหล่ยเคยช่วยเหลือให้พวกเขาผ่านพ้นชีวิตอันรันทด แต่ทว่าเมื่อปีกลาย ลูกรักของเธอกลับมีชีวิตที่น่าสงสารยิ่งกว่าคนที่เธอเคยช่วยเหลือ เมื่อชะตาชีวิตที่ไม่อาจเลือกได้ ลูกรักป่วยเป็นโรคลิวคิเมีย(มะเร็งเม็ดเลือดขาว) โรคร้ายที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการรักษา และเพื่อยื้อชีวิตของแก้วตาดวงใจ เหล่ยและสามีจำต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ในบ้านเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษา
ของมีค่าต่างๆ ที่พอจะขายได้ เธอและสามีไม่เคยนึกเสียดายเพราะคิดแต่เพียงว่าทำยังไงก็ได้เพื่อให้ได้เงินจำนวน 300,000 หยวน และพาลูกรักไปรักษาในกรุงปักกิ่ง และแม้สังคมจะให้ความช่วยเหลือสักเท่าไร ก็ไม่สามารถรวมเงินได้มากถึงจำนวนดังกล่าว
หนังสือพิมพ์ตูซื่อ สือเป้ารายงานว่า เสี่ยวอี่ว์วัยอายุ 19 ปี เป็นคนที่ร่าเริง สดใสคนหนึ่ง แต่ในเดือนพฤศจิกายนปี 2007 ขณะที่เสี่ยวอี่ว์กำลังเรียนหนังสืออยู่นั้น ก็เกิดอาการแน่นหน้าอกขึ้นมาอย่างกะทันหัน ต่อมาจึงได้เข้าตรวจอาการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองคุนหมิง มณฑลหยุนหนัน แต่ในครั้งนั้นแพทย์ไม่ได้เจาะตรวจเลือด วินิจฉัยเบื้องต้นจึงระบุเพียง “ระบบทางเดินอาหารอักเสบ”
อย่างไรก็ตาม พ่อและแม่ของเสี่ยวอี่ว์ได้พาเขาไปยังโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งในอำเภอเหวินซันโจวโฉ เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้เองที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวต่างตื่นตระหนกกับผลการตรวจเมื่อแพทย์ระบุว่าเสี่ยวอี่ว์ ป่วยเป็น “มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน”
ด้วยความรักของแม่ที่มีต่อลูกชาย จึงได้พาเสี่ยวอี่ว์ไปรักษายังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในปักกิ่ง และเธอก็ได้รับรู้ว่าค่ารักษาโรคร้ายต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เมื่อได้ปรึกษากับสามีจึงเห็นตรงกันว่าต้องขายบ้าน ซึ่งนั่นคือสมบัติของครอบครัวที่ทั้งสองคาดว่าจะขายเพื่อนำเงินมารักษาโรคที่ลูกชายป่วยอยู่ ทว่าด้วยเนื้อที่ของบ้าน 80 ตารางเมตร จึงขายได้เพียง 70,000 หยวน บวกกับเงินบริจาคของเพื่อนนักเรียนเสี่ยวอี่ว์และเงินช่วยเหลือจากญาติๆ ท้ายที่สุดรวมกันได้ 200,000 หยวน แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว เงินจำนวนดังกล่าวก็หายไปในเวลาอันรวดเร็ว
กระนั้นเหล่ย เหรินเฟิ่นก็ไม่เคยย่อท้อ เธอใช้สิทธิที่เธอเป็นเจ้าหน้าของรัฐ นำเอกสารยื่นเสนอขอลดหย่อนค่ารักษาพยาบาล บางครั้งเหล่ยต้องเดินขอเศษเงินผู้คนตามท้องถนน แต่ภายหลังเมื่อไร้ซึ่งหนทาง เธอจึงจำใจพาลูกรักกลับมายังบ้านเกิด และทำได้เพียงแค่รอความตายเป็นเพื่อนลูกรัก
แม้ชีวิตจะยากไร้ แต่ในยามไร้ก็ยังคงมีแสงสว่างแห่งความหวัง ท้ายที่สุดหนังสือพิมพ์ตูซื่อ สือเป้ารายงานว่ามูลนิธิการกุศลแห่งหนึ่งในปักกิ่ง ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและพร้อมที่จะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้กับเสี่ยวอี่ว์แล้ว แต่ท้ายที่สุดเจ้าตัวกลับปฏิเสธที่จะรักษาต่อไป เนื่องจากรู้ว่าอาการของตนเองนั้นรุนแรงและยากที่จะรักษา พร้อมบอกผู้เป็นแม่ถึงความต้องการสุดท้ายของตนว่า “ต้องการบริจาคอวัยวะ” ด้วยความปรารถนาที่อยากจะช่วยเหลือคนอื่นที่จำเป็นยิ่งกว่า
เรียบเรียงจาก หนังสือพิมพ์สากล