อุปทานเหล็กโลกขาดแคลน ดันราคาเหล็กจีนครึ่งปีหลังสูง

รอยเตอร์ – สมาพันธ์อุตสาหกรรมเหล็กมังกรเผย ราคาเหล็กในช่วงเดือนมิ.ย.ค่อนข้างสมดุล ทว่าช่วงต่อไปอาจอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการขาดแคลนในตลาดโลก บวกกับอุปสงค์ภายในและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

ในวันพุธ (23 ก.ค.) สมาพันธ์อุตสาหกรรมเหล็กแห่งประเทศจีนได้ออกรายงานระบุว่า ราคาของเหล็กในเดือนมิ.ย.มีการปรับตัวจากเดือนพ.ค.เล็กน้อย โดยเหล็ก 8 ชนิดหลักมีแนวโน้มปรับตัวลงเล็กน้อย โดยดัชนีราคาอยู่ที่ 161.47 จุด เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 4.61 จุดหรือเท่ากับ 2.94% แต่ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา 3%

โดยในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวในการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าของจีนลดลง การส่งออกเหล็กก็มีปริมาณน้อยลง แต่อุปสงค์-อุปทานในตลาดค่อนข้างสมดุล ทำให้ราคาเหล็กภายในประเทศจีนอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว

ทว่า เนื่องจากอุปทานของเหล็กในตลาดโลกค่อนข้างขาดแคลน ปริมาณเหล็กในโกดังลดลง ทำให้ราคาในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น จึงคาดว่าในช่วงปีที่เหลืออยู่ ราคาเหล็กในตลาดจะยังอยู่ในระดับสูง

ในขณะที่บริษัทหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ได้ระบุว่า เนื่องจากราคาพลังงาน ไฟฟ้า และค่าขนส่งที่พุ่งสูงขึ้น บวกกับการที่จีนมีการยกเลิกเครื่องจักรและโรงงานผลิตเหล็กที่ล้าหลังออกไป ทำให้การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าในจีนจะเติบโตในอัตราที่ค่อนข้างน้อย

นอกจากนั้น ในครึ่งปีที่เหลือหลังจากที่จีนต้องเผชิญหน้ากับพายุหิมะ น้ำท่วม แผ่นดินไหวทำให้ต้องมีการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบ้านเรือนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอุปสงค์ในการใช้เหล็กในประเทศ เมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนสูงขึ้นเช่นนี้ คาดว่าราคาเหล็กจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป

อย่างไรก็ตาม รายงานยังได้ชี้ว่า เนื่องจากรัฐบาลจีนยังคงเดินหน้านโยบายคุมเข้มทางการเงิน ทำให้วิสาหกิจจำนวนหนึ่งประสบปัญหาการขาดแคลนเงินทุน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ค้าวัตถุดิบเหล็ก ที่เจอผลกระทบด้านเงินทุนจนทำให้ต้องเทขายสินค้าออกไปเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เป่าสตีล ซึ่งเจรจาในนามของอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของจีน ได้ตกลงซื้อสินแร่เหล็กในปีนี้จากริโอ ทินโท ผู้ผลิตสินแร่เหล็กรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก แพงกว่าเมื่อปีที่แล้วถึงร้อยละ 96.5 อันนับเป็นการขึ้นราคาสินแร่เหล็ก ที่สูงเป็นประวัติการณ์