รอยเตอร์/ไฟแนนเชียลไทมส์ – เป่าสตีล บริษัทผู้ผลิตเหล็กและเหล็กกล้ารายใหญ่สุดของจีน ยอมซื้อสินแร่เหล็กจากกลุ่มบริษัทเหมืองแร่ริโอ ทินโทแดนจิงโจ้ แพงกว่าเมื่อปีที่แล้วเกือบ 2 เท่า คาดส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อในโลกทะยาน
เป่าสตีล ซึ่งเจรจาในนามของอุตสาหกรรมเหล็กกล้าแดนมังกร ได้ตกลงซื้อสินแร่เหล็กในปีนี้จากริโอ ทินโท ผู้ผลิตสินแร่เหล็กรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก แพงกว่าเมื่อปีที่แล้วถึงร้อยละ 96.5 อันนับเป็นการขึ้นราคาสินแร่เหล็ก ที่สูงเป็นประวัติการณ์
การขึ้นราคาสินแร่เหล็กครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ยังคงมีความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์อย่างแข็งแกร่ง แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะชะลอตัวก็ตาม โดยแซม วอล์ช หัวหน้าผู้บริหารฝ่ายสินแร่เหล็กของริโอระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน,อินเดีย และตะวันออกกลางจะยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ราคาสินแร่เหล็กที่ปรับขึ้นยังทำให้วิตกกันว่า ภาวะเงินเฟ้อในโลกจะพุ่งสูงต่อไป โดยโทเบียส เลฟโควิช หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของซิติระบุว่า ความเสี่ยงของเงินเฟ้อ ที่เกิดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์กำลังปรากฎสูงขึ้นทุกที
ทั้งนี้ ความวิตกเรื่องเงินเฟ้อยิ่งทวีความรุนแรง หลังจากซาอุดิอาระเบียให้คำมั่นว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี แต่การให้คำมั่นนี้ไม่สามารถสยบการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้
อย่างไรก็ตาม เป่าสตีล ระบุในแถลงการณ์ว่า แม้มีการทำข้อตกลงดังกล่าว แต่กลไกการกำหนดราคาในตลาดตามที่ปฏิบัติกันมาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และบริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าของจีนจะสนับสนุนริโอ ทินโทในการเพิ่มการลงทุนและการผลิต เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดต่อไป
นักวิเคราะห์คาดว่า ผู้ผลิตเหล็กกล้าจะผลักภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นไปให้แก่ลูกค้า เช่น บริษัทก่อสร้าง และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ราคารถยนต์, เครื่องจักร และสินค้าอื่น ๆ น่าจะพุ่งสูงตามมาด้วย
ทั้งนี้ จีนนำเข้าสินแร่เหล็ก 1,340 ล้านตันระหว่างปี 2546-2550 หรือร้อยละ 42 ของการขนส่งสินแร่เหล็กทั้งหมดในโลกในรอบ 5 ปี ขณะที่ผลผลิตเหล็กกล้าดิบของจีนเพิ่มสูงกว่า 2 เท่าถึง 490 ล้านตันในปี 2550 จาก 220 ล้านตันในปี 2546
เป่าสตีล ซึ่งเจรจาในนามของอุตสาหกรรมเหล็กกล้าแดนมังกร ได้ตกลงซื้อสินแร่เหล็กในปีนี้จากริโอ ทินโท ผู้ผลิตสินแร่เหล็กรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก แพงกว่าเมื่อปีที่แล้วถึงร้อยละ 96.5 อันนับเป็นการขึ้นราคาสินแร่เหล็ก ที่สูงเป็นประวัติการณ์
การขึ้นราคาสินแร่เหล็กครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ยังคงมีความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์อย่างแข็งแกร่ง แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะชะลอตัวก็ตาม โดยแซม วอล์ช หัวหน้าผู้บริหารฝ่ายสินแร่เหล็กของริโอระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน,อินเดีย และตะวันออกกลางจะยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ราคาสินแร่เหล็กที่ปรับขึ้นยังทำให้วิตกกันว่า ภาวะเงินเฟ้อในโลกจะพุ่งสูงต่อไป โดยโทเบียส เลฟโควิช หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของซิติระบุว่า ความเสี่ยงของเงินเฟ้อ ที่เกิดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์กำลังปรากฎสูงขึ้นทุกที
ทั้งนี้ ความวิตกเรื่องเงินเฟ้อยิ่งทวีความรุนแรง หลังจากซาอุดิอาระเบียให้คำมั่นว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี แต่การให้คำมั่นนี้ไม่สามารถสยบการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้
อย่างไรก็ตาม เป่าสตีล ระบุในแถลงการณ์ว่า แม้มีการทำข้อตกลงดังกล่าว แต่กลไกการกำหนดราคาในตลาดตามที่ปฏิบัติกันมาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และบริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าของจีนจะสนับสนุนริโอ ทินโทในการเพิ่มการลงทุนและการผลิต เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดต่อไป
นักวิเคราะห์คาดว่า ผู้ผลิตเหล็กกล้าจะผลักภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นไปให้แก่ลูกค้า เช่น บริษัทก่อสร้าง และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ราคารถยนต์, เครื่องจักร และสินค้าอื่น ๆ น่าจะพุ่งสูงตามมาด้วย
ทั้งนี้ จีนนำเข้าสินแร่เหล็ก 1,340 ล้านตันระหว่างปี 2546-2550 หรือร้อยละ 42 ของการขนส่งสินแร่เหล็กทั้งหมดในโลกในรอบ 5 ปี ขณะที่ผลผลิตเหล็กกล้าดิบของจีนเพิ่มสูงกว่า 2 เท่าถึง 490 ล้านตันในปี 2550 จาก 220 ล้านตันในปี 2546
