บีบีซี – ที่ประชุมของคณะกรรมการไซเตส ณ นครเจนีวา อนุญาตให้จีนสามารถนำเข้างาช้างได้เป็นครั้งแรกอย่างถูกกฎหมาย ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่เห็นด้วย จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สุดในขณะนี้
เมื่อเร็วๆนี้ ในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ หรือ CITES ซึ่งจัดขึ้นที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอแลนด์ได้โหวตด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 และประกาศอนุญาตให้จีนสามารถนำเข้างาช้างได้อย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากเห็นชอบที่จีนมีการบังคับใช้กฎหมายการลักลอบค้างาช้าง
อย่างไรก็ตามในปี 2007 ยูเอ็นเคยประกาศให้มีการจำหน่ายงาช้างจำนวน 108 ตันที่มาจากบอทซาวานา นามิเบีย แอฟริกาใต้และซิมบับเวเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นงาช้างที่กลุ่มประเทศแอฟริกาใต้เก็บสะสมเอาไว้ในคลังเมื่อนานมาแล้ว
ขณะที่กลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่างคัดค้านข้อเสนอดังกล่าวของจีน โดยกล่าวว่าจีนไม่มีมาตรการควบคุมการค้างาช้างที่รัดกุมพอ นอกจากนี้นายร็อบบี มาร์สแลนด์ หนึ่งในคณะกรรมการกองทุนสากลเพื่อสวัสดิการสัตว์ (IFAW) กล่าวว่าการที่อนุญาตให้จีนนำเข้างาช้างได้อย่างถูกกฎหมายอาจเป็นการกระตุ้นการลักลอบค้าพืชพันธุ์สัตว์ป่าในตลาดมืดได้ และจะส่งผลให้จำนวนช้างในป่าลดลงด้วย เนื่องจากงาช้างเป็นสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดมืดซึ่งมีจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดด้วยการซื้อขายที่มีมูลค่ามหาศาล
ปัจจุบันประเทศในกลุ่มแอฟริกาใต้ได้ขึ้นทะเบียนงาช้างเพื่อการค้าจำนวนทั้งสิ้น 107.8 ตัน โดยเป็นงาช้างของบอทซาวานาจำนวน 43.7 ตัน นามิเบีย 9.2 ตัน แอฟริกาใต้จำนวน 51.1 ตัน และซิมบับเวจำนวน 3.8 ตัน