หนังสือพิมพ์สากล – หนังสือพิมพ์เหวินฮุ่ยของฮ่องกงได้รายงานว่า ในขณะนี้ราคาบ้านหรูในเซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้กำลังตกลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ในขณะที่ดัชนีเศรษฐกิจในด้านนี้ก็ตกลงอย่างต่อเนื่องมา 6 เดือน การซื้อขายของอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละที่ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
โดยรายงานจากวงในของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า ปีนี้ทุนในวงการอสังหาริมทรัพย์ขาดแคลนเงินทุนอย่างหนัก หลังจากที่มีการระบุว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและเล็กกำลังจะเดือดร้อนในไตรมาสที่ 3 และเชื่อว่าน่าจะเป็นการส่งสัญญาณว่าวิกฤติทางการเงินของภาคอสังหาริมทรัพย์กำลังเริ่มต้นขึ้น
นับจากมีการควบคุมทางมหภาคในภาคอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นเวลา 3 ปีผลต่างๆที่ได้สะสมไว้กำลังจะมาระเบิดขึ้นในปีนี้ รายงานจากสำนักงานวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์กั๋วไท่จวินอันได้ระบุว่า ในปี 2008 วงการอสังหาริมทรัพย์ได้ขาดแคลนเงินทุนทั้งสิ้น 710,000 ล้านหยวน หรือคิดเป็น 2 เท่าของยอดเงินกู้ของอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มใหม่ในปี 2007 ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วแต่ละบริษัทกำลังขาดแคลนทุนหมุนเวียนราวบริษัทละ 12.01 ล้านหยวน หรือคิดเป็น 24% ของยอดจำหน่ายในปีที่ผ่านมา
กรมสถิติแห่งชาติจีนได้เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีเศรษฐกิจในด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 103.34 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 0.73 จุด โดยดัชนีดังกล่าวได้ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งดัชนีดังกล่าวเป็นหนึ่งในดัชนีสำคัญที่เป็นตัววัดเสถียรภาพในภาคอสังหาริมทรัพย์
ในขณะเดียวกัน ดัชนีที่วัดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เองก็ลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ตลาดต่างเห็นพ้องต้องกันว่าอสังหาริมทรัพย์จีนกำลังก้าวสู่ขาลง
ในขณะที่รายงานฉบับล่าสุดของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหาวิทยาลัยเหรินหมินของจีนได้ระบุว่า 4 เดือนแรกของปีนี้ ทั่วประเทศมีการก่อสร้างแล้วเสร็จคิดเป็นพื้นที่ 84.48 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 20.2% และได้มีการจำหน่ายออกไปคิดเป็น 136.64 ล้านตารางเมตร ลดลง 4%
อุปสงค์ภายในด้านอสังหาริมทรัพย์จีนกำลังลดลง ในขณะที่ห่วงโซ่ทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็กำลังขาดแคลน นับตั้งแต่มีการเพิ่มเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ที่ต้องสำรองไว้ตามกฎหมายสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธนาคารขนาดกลางและเล็กในประเทศประสบปัญหาไม่มีเงินทุนพอที่จะปล่อยกู้ให้
ศาสตราจารย์จู อู่เสียงจากวิทยาลัยชิงหัวได้ระบุว่า มันเป็นปรากฏการณ์คล้ายๆช่วงที่เคยเกิดปัญหากับวิสาหกิจ เกิดปัญหากับภาคธนาคาร เกิดปัญหากับบริษัทหลักทรัพย์ แต่ในขณะนี้กำลังเกิดปัญหาดังกล่าวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และอาจจะเป็นเหมือนแผ่นดินไหวในวงการทีเดียว ซึ่งความร้ายแรงอาจเทียบได้กับที่เกิดขึ้นกับวงการทีวีสีในช่วงก่อน
จู ได้คาดการณ์ว่า ด้วยสภาพห่วงโซ่ของทุนแล้ว บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีจำนวน 30% ที่จะต้องปรับลดการกว้านซื้อที่ดินลง 40%จึงจะสามารถทำให้บัญชีนั้นสมดุลได้
