เอเยนซี่ส์ – จีนประกาศแผนปฏิรูประบบโทรคมนาคมของประเทศ จับวิสาหกิจด้านโทรคมนาคม 5 ค่ายยักษ์ใหญ่ควบรวมเหลือเพียง 3 ค่าย และเมื่อแผนการควบรวมแล้วเสร็จจีนจะประกาศอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีมือถือรุ่นที่ 3 หรือ 3 จี
กระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจีน กระทรวงการคลังจีน และคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนร่วมกันออก “ประกาศการปฏิรูประบบโทรคมนาคมเชิงลึก” เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยจะมีการควบรวมและปฏิรูปโครงสร้างวิสาหกิจด้านโทรคมนาคมจาก 5 ค่ายยักษ์ใหญ่เหลือเพียง 3 ค่าย นอกจากนี้ ประกาศยังระบุว่าหลังจากที่แผนการปฏิรูปแล้วเสร็จ จะออกใบอนุญาตการใช้เทคโนโลยี3จีสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย
หนึ่งในจุดประสงค์สำคัญของการปฏิรูประบบโทรคมนาคม คือการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผูกขาด นั่นคือพยายามผลักดันให้ทั้ง 3 ยักษ์ใหญ่ที่เหลือ ได้แก่ ไชน่า โมบาย, ไชน่า เทเลคอม และไชน่า เน็ตคอม สามารถก้าวขึ้นมาแข่งขันในเวทีที่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการควบรวมในครั้งนี้ ได้สร้างลักษณะพิเศษขึ้นก็คือจะทำให้ในอนาคตทั้ง 3 วิสาหกิจต่างให้บริการทั้งโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานที่แบ่งการให้บริการตามพื้นที่ ไม่สามารถให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ และในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน
ตามแผนการปฏิรูป ไชน่า เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ คอร์ป (ไชน่า เทเลคอม) ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานรายใหญ่ของจีนจะซื้อโครงข่ายมือถือระบบซีดีเอ็มเอ (ทรัพย์สินและลูกค้า) จากไชน่า ยูไนเต็ด คอมมูนิเคชั่นส์ อิงค์ (ไชน่า ยูนิคอม) และซื้อไชน่า แซททะไลต์ คอมมูนิคชั่นส์ คอร์ป (ไชน่า แซทคอม) ส่วนที่ให้บริการการด้านโทรคมนาคม
ส่วนไชน่า ยูนิคอมยังคงได้โครงข่ายจีเอสเอ็ม และจะควบรวมกับไชน่า เน็ตเวิร์ก คอมมูนิเคชั่นส์ กรุ๊ป คอร์ป (ไชน่า เน็ตคอม) ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานอีกราย สำหรับไชน่า โมบาย คอมมูนิเคชั่นส์ คอร์ป (ไชน่า โมบาย) ผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่สุดของจีนจะควบรวมกับไชน่า แรลเวย์ คอมมูนิเคชั่น (ไชน่า เถี่ยทง) ที่ปัจจุบันให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน
แผนปฏิรูปดังกล่าวจะสร้างคู่แข่งให้แก่ไชน่า โมบาย ซึ่งปัจจุบันครอบครองส่วนแบ่งตลาดใหญ่สุดของประเทศจีนและเป็นผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ของโลกด้วยจำนวนลูกค้ามากกว่า 400 ล้านหมายเลข ปัจจุบันผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานหลายรายต้องดิ้นรนอย่างหนักที่จะดึงดูดลูกค้า หลังจากที่ลูกค้าส่วนใหญ่หันไปใช้โทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาแทนที่ ส่วนไชน่า ยูนิคอม ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายย่อยก็ต้องแข่งขันอย่างหนักกับไชน่า โมบายเพื่อแย่งชิงลูกค้าเช่นกัน
ประกาศล่าสุดนี้ไม่ได้ระบุกำหนดเวลาที่แน่นอนว่าโครงการปฏิรูประบบโทรคมนาคมนี้จะเสร็จสิ้นเมื่อใด แต่สำนักข่าวซินหัวของจีนคาดว่าจะใช้เวลาราว 12-18 เดือนจึงแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ไชน่า ยูนิคอมเปิดเผยว่าได้เริ่มเจรจาเรื่องการควบรวมกับไชน่า เน็ตคอมแล้ว และได้เริ่มหารือกับไชน่า เทเลคอมเรื่องการซื้อขายโครงข่ายซีดีเอ็มเอแล้ว ส่วนยักษ์โทรคมนาคมรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องรับว่ารับทราบประกาศดังกล่าวแล้วและพร้อมให้ความร่วมมือ
แผนปฏิรูปดังกล่าวซึ่งมีผลโดยตรงกับบริษัทแม่ที่เป็นวิสาหกิจของรัฐ คาดว่าจะมีผลต่อบริษัทลูกที่มีผู้ถือหุ้นในต่างประเทศ และผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม เช่น เอบี แอลเอ็ม อิริคสัน, อัลคาเทล-ลูเซ็นท์ เอสเอ, หัวเหวย และโนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์ก เพราะความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นก้าวสุดท้ายก่อนที่ทางการจีนจะปล่อยใบอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีมือถือรุ่นที่ 3 หรือ 3 จีซึ่งสนับสนุนการดูวีดิโอ เข้าเว็บ และบริการอื่นๆ ผ่านทางมือถือ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น คาดว่าผู้ผลิตอุปกรณ์อย่างโนเกีย และรายอื่นๆ จะได้รับใบสั่งซื้ออุปกรณ์ 3 จีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 520 ล้านหมายเลข และคาดว่าจะขยับเป็น 600 ล้านในเร็วๆ นี้
กระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจีน กระทรวงการคลังจีน และคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนร่วมกันออก “ประกาศการปฏิรูประบบโทรคมนาคมเชิงลึก” เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยจะมีการควบรวมและปฏิรูปโครงสร้างวิสาหกิจด้านโทรคมนาคมจาก 5 ค่ายยักษ์ใหญ่เหลือเพียง 3 ค่าย นอกจากนี้ ประกาศยังระบุว่าหลังจากที่แผนการปฏิรูปแล้วเสร็จ จะออกใบอนุญาตการใช้เทคโนโลยี3จีสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย
หนึ่งในจุดประสงค์สำคัญของการปฏิรูประบบโทรคมนาคม คือการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผูกขาด นั่นคือพยายามผลักดันให้ทั้ง 3 ยักษ์ใหญ่ที่เหลือ ได้แก่ ไชน่า โมบาย, ไชน่า เทเลคอม และไชน่า เน็ตคอม สามารถก้าวขึ้นมาแข่งขันในเวทีที่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการควบรวมในครั้งนี้ ได้สร้างลักษณะพิเศษขึ้นก็คือจะทำให้ในอนาคตทั้ง 3 วิสาหกิจต่างให้บริการทั้งโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานที่แบ่งการให้บริการตามพื้นที่ ไม่สามารถให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ และในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน
ตามแผนการปฏิรูป ไชน่า เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ คอร์ป (ไชน่า เทเลคอม) ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานรายใหญ่ของจีนจะซื้อโครงข่ายมือถือระบบซีดีเอ็มเอ (ทรัพย์สินและลูกค้า) จากไชน่า ยูไนเต็ด คอมมูนิเคชั่นส์ อิงค์ (ไชน่า ยูนิคอม) และซื้อไชน่า แซททะไลต์ คอมมูนิคชั่นส์ คอร์ป (ไชน่า แซทคอม) ส่วนที่ให้บริการการด้านโทรคมนาคม
ส่วนไชน่า ยูนิคอมยังคงได้โครงข่ายจีเอสเอ็ม และจะควบรวมกับไชน่า เน็ตเวิร์ก คอมมูนิเคชั่นส์ กรุ๊ป คอร์ป (ไชน่า เน็ตคอม) ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานอีกราย สำหรับไชน่า โมบาย คอมมูนิเคชั่นส์ คอร์ป (ไชน่า โมบาย) ผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่สุดของจีนจะควบรวมกับไชน่า แรลเวย์ คอมมูนิเคชั่น (ไชน่า เถี่ยทง) ที่ปัจจุบันให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน
แผนปฏิรูปดังกล่าวจะสร้างคู่แข่งให้แก่ไชน่า โมบาย ซึ่งปัจจุบันครอบครองส่วนแบ่งตลาดใหญ่สุดของประเทศจีนและเป็นผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ของโลกด้วยจำนวนลูกค้ามากกว่า 400 ล้านหมายเลข ปัจจุบันผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานหลายรายต้องดิ้นรนอย่างหนักที่จะดึงดูดลูกค้า หลังจากที่ลูกค้าส่วนใหญ่หันไปใช้โทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาแทนที่ ส่วนไชน่า ยูนิคอม ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายย่อยก็ต้องแข่งขันอย่างหนักกับไชน่า โมบายเพื่อแย่งชิงลูกค้าเช่นกัน
ประกาศล่าสุดนี้ไม่ได้ระบุกำหนดเวลาที่แน่นอนว่าโครงการปฏิรูประบบโทรคมนาคมนี้จะเสร็จสิ้นเมื่อใด แต่สำนักข่าวซินหัวของจีนคาดว่าจะใช้เวลาราว 12-18 เดือนจึงแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ไชน่า ยูนิคอมเปิดเผยว่าได้เริ่มเจรจาเรื่องการควบรวมกับไชน่า เน็ตคอมแล้ว และได้เริ่มหารือกับไชน่า เทเลคอมเรื่องการซื้อขายโครงข่ายซีดีเอ็มเอแล้ว ส่วนยักษ์โทรคมนาคมรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องรับว่ารับทราบประกาศดังกล่าวแล้วและพร้อมให้ความร่วมมือ
แผนปฏิรูปดังกล่าวซึ่งมีผลโดยตรงกับบริษัทแม่ที่เป็นวิสาหกิจของรัฐ คาดว่าจะมีผลต่อบริษัทลูกที่มีผู้ถือหุ้นในต่างประเทศ และผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม เช่น เอบี แอลเอ็ม อิริคสัน, อัลคาเทล-ลูเซ็นท์ เอสเอ, หัวเหวย และโนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์ก เพราะความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นก้าวสุดท้ายก่อนที่ทางการจีนจะปล่อยใบอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีมือถือรุ่นที่ 3 หรือ 3 จีซึ่งสนับสนุนการดูวีดิโอ เข้าเว็บ และบริการอื่นๆ ผ่านทางมือถือ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น คาดว่าผู้ผลิตอุปกรณ์อย่างโนเกีย และรายอื่นๆ จะได้รับใบสั่งซื้ออุปกรณ์ 3 จีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 520 ล้านหมายเลข และคาดว่าจะขยับเป็น 600 ล้านในเร็วๆ นี้
