การไต่เขาเป็นกีฬาและธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมบนแดนมังกรในเวลานี้ และนับเป็นข่าวดี ที่จีนกำลังจะมีมัคคุเทศก์ไต่เขารุ่นแรกสำเร็จการอบรมในอีกไม่กี่วันเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ที่ปรารถนาไต่ขึ้นไปชมทัศนียภาพตระการตาบนยอดเขาสูงลิบลิ่ว
ยอดภูสูงสล้างงดงามเหมือนความฝันในดินแดนภาคเหนือและตะวันตกของจีน ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของนักพรตลัทธิเต๋า และถูกประกาศเป็นเขตต้องห้ามในปี2492 เนื่องจากรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ตั้งค่ายทหารเป็นแนวยุทธศาสตร์ตามเทือกเขาเหล่านั้น
ปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้มาตรฐานชีวิตผู้คนดีขึ้น และธุรกิจการจัดกิจกรรมพักผ่อนกลางแจ้งเฟื่องฟู แหล่งท่องเที่ยวตามเทือกเขาคึกคักไปด้วยนักปีนเขา ทว่าพวกเขาเหล่านี้ หลายคนขาดประสบการณ์
ในปี 2549 สมาคมนักไต่เขาของจีน (China Mountaineering Association) ได้จัดตั้งสถาบันเพื่อการพัฒนาภูเขาของจีน (China Mountain Development Institute) ขึ้นมา เพื่อให้การฝึกอบรมมัคคุเทศก์จำนวน 10 คนเป็นเวลานาน 2 ปี ผู้รับการฝึกทั้งหมดเป็นชาย ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในภูมิภาคเทือกเขาทางภาคตะวันตกของจีน รวมทั้งเขตปกครองทิเบต แหล่งของยอดเขาเอเวอเรสต์
ทางสถาบันได้จ้างนายโอลิวิเย่ร์ บัลมา มัคคุเทศก์ชาวฝรั่งเศส วัย 40 ปี ซึ่งมากด้วยประสบการณ์นานกว่า 15 ปี มาเป็นครูฝึก โดยบัลมายังเคยเป็นครูสอนไต่เขาที่โรงเรียนนักไต่เขาแห่งทิเบตเมื่อปี 2543 อีกด้วย
“รัฐบาลจีนตัดสินใจเปิดโรงเรียนฝึกสอนไกด์อาชีพ ไกด์เหล่านี้จะสามารถให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้นักท่องเที่ยวไต่เขาได้อย่างเพลิดเพลิน และกลับบ้านอย่างปลอดภัย” บัลมาอธิบาย
“งานท้าทายอย่างแท้จริงของรัฐบาลก็คือทำให้แน่ใจได้ว่าภูเขาเหล่านี้มีความปลอดภัย, สร้างทีมกู้ภัยที่ได้รับการฝึกฝน … มีขั้นตอนกู้ภัยที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถนำมาปฏิบัติใช้ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้คนไต่เขากันได้ในสภาพเงื่อนไขที่ดี”
ในเดือนกุมภาพันธ์ กลุ่มมัคคุเทศก์ที่ได้รับการฝึกอบรม ได้ย้ายไปยังเทือกเขาSiguniang ในมณฑลเสฉวน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวเทือกเขาแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ไต่ภูเขาน้ำแข็งยอดนิยมแห่งหนึ่ง
พวกไกด์ ซึ่งทั้งหมดมีอายุระหว่าง 20-40 ปี ฟังคำสั่งเป็นภาษาอังกฤษจากบัลมา หรือจาก กัง หัว(Kang Hua) ผู้ช่วยของบัลมา ซึ่งพูดภาษาจีนกลาง
“ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม อย่าลืมเด็ดขาดว่าต้องปลอดภัยและได้ผล” บัลมาพูดเสียงดังลั่น
ส่วนกัง วัย 36 ปีเอง ยอมทิ้งอาชีพวิศวกรคอมพิวเตอร์รายได้สูงในกรุงปักกิ่งอย่างไม่ไยดี เพื่อทุ่มเทชีวิตให้กับสิ่งที่เขาหลงใหลจับใจ
“ผมรักการปีนเขา งานเก่านั้นจืดชืดไร้ความน่าตื่นเต้นแปลกใหม่ สิบหรือยี่สิบปีจากนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่การปีนเขา โดยเฉพาะในสถานที่อย่างที่นี่ คุณจะพบสิ่งใหม่ๆ อยู่ทุกวัน” กังเปิดใจ
โรงเรียนอบรมได้รับเงินทุนสนับสนุนส่วนตัวจากสปอนเซอร์หลายราย โดยมัคคุเทศก์จะได้รับการฝึกภาคทฤษฎีและปฏิบัติเกี่ยวกับการไต่เขาอย่างปลอดภัย, การเล่นสกี,การกู้ภัย และการให้ความช่วยเหลือขั้นต้น นักเรียนคนหนึ่งของบัลมา นามว่าหลี่ เหว่ยตง (Li Weidong)อายุ 40 ปี เขาทำงานอยู่ที่สมาคมนักไต่เขาในมณฑลชิงไห่ ทางภาคตะวันตกอยู่แล้ว แต่หลี่บอกว่าเขารู้สึกตื่นเต้นสุด ๆ ที่ได้รับการชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญแดนน้ำหอมผู้นี้
“ถึงผมอยู่ในธุรกิจไต่เขา แต่ยังไม่เคยเรียนรู้เทคนิคบางอย่าง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดอย่างมีระบบแบบนี้เลย”
“นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการฝึกอบรมแบบนี้ในจีน”
เมื่อมัคคุเทศก์ชุดนี้ได้รับใบประกาศนียบัตรในเดือนสิงหาคม พวกเขาจะเข้าไปมีบทบาทสำคัญในภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นความหวังอย่างมากสำหรับเศรษฐกิจท้องถิ่น
เซอร์เก โคนิก ผู้ดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างจีนกับฝรั่งเศสในเมืองเฉิงตู ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวนกล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมการไต่เขาสามารถช่วยส่งเสริมแผนการพัฒนาภูมิภาคตะวันตกของรัฐบาลจีนได้อีกด้วย
“ทางการกำลังมองหาวิธีสกัดกั้นไม่ให้ประชากรท้องถิ่นย้ายไปยังเมืองใหญ่ การท่องเที่ยวจะเปิดโอกาสอย่างแท้จริงในการสร้างงานในดินแดนเทือกเขา”โคนิก ชี้
“นอกจากนั้น ยังจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาอย่างหยั่งยืน เนื่องจากเป็นการพนันขันต่อที่ปลอดภัย โดยผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวย่อมจะต้องดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นหัวใจของการธุรกิจท่องเที่ยวทีเดียว”