หนังสือพิมพ์สากล – การเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่เป็นประเด็นที่จะเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการได้เค้กชิ้นใหญ่ของบริษัทสายการบินจากจีนทั้งหลายแห่ง แน่นอนว่ายังสงผลให้หุ้นของสายการบินคึกคักขึ้นเป็นพิเศษ
จากการที่ราคาน้ำมันโลกอ่อนตัวลงชั่วคราว ผนวกกับนายหม่า อิงจิ่ว จากพรรคก๊กมินตั๋ง ที่เคยประกาศนโยบายจะผลักดันให้มีการบินตรงระหว่างจีนกับไต้หวัน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด อีกทั้งปัจจัยเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นดันให้ราคาหุ้นสายการบินจีนในตลาดหุ้นกระดานเอชของฮ่องกงพุ่งขึ้น 18% ในช่วงกลางสัปดาห์ และลดลงเล็กน้อยจากการดีดตัวแรงเกินไปในวันถัดมา โดยสายการบินที่ดูคึกคักมาที่สุดอย่างสายการบินแอร์ไชน่า มูลค่าหุ้นใน 2 วันพุ่งขึ้นถึง 16% ในขณะที่ไชน่า อีสต์เทิร์น แอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 2.5% และไชน่า เซาท์เทิร์น แอร์ไลน์ก็ขึ้น 3.8%
นักวิเคราะห์จีนได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า “โครงการเพิ่มการบินตรงระหว่างจีนกับไต้หวันนั้น นับว่าเป็นเสมือนยากระตุ้นราคาหุ้นให้กับสายการบินจีน ทว่าผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นยังไม่สามารถที่จะคำนวณออกมาเป็นตัวเลขอย่างเป็นรูปธรรมได้ เพราะ ณ ปัจจุบันนี้ทางผู้นำของไทเปและปักกิ่งยังไม่ได้เจรจาตกลงเรื่องการบินตรงกันอย่างแท้จริง”
นายซู เหยียนหัน ผู้อำนวยการสำนักวิจัยหุ้นไต้หวันของหลี่อั๋ง ซีเคียวริตี้ส์ ได้คาดการณ์ไว้ว่า “การบินตรงระหว่างสองฝากฝั่ง มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของไต้หวัน อย่างเร็วจะสามารถเห็นผลได้ภายในสิ้นปีนี้ อึกทั้งการบินตรงเชิงพาณิชย์นั้นจะไม่ใช่เพียงแต่นักท่องเที่ยวจากจีนเท่านั้นที่จะมาไต้หวัน แต่ยังจะมีชาวไต้หวันในจีนที่อยากจะกลับมาเยี่ยมญาติ รวมไปถึงนักธุรกิจนักลงทุนชาวต่างชาติที่จะมาไต้หวันด้วย
หม่า อิง นักวิเคราะห์ธุรกิจการบินของไห่ทง ซิเคียวริตีส์ได้ระบุว่า “ไห่หนัน แอร์ไลน์กับแอร์ ไชน่านั้นนอกจากจะมีการแข่งขันในตลาดหลักๆที่สำคัญกันแล้ว ที่สำคัญคือที่ผ่านมาสายการบินจีนยังได้อาศัยการแข็งค่าของเงินหยวนในการสร้างกำไรอีกด้วย” โดยหลังจากที่ปี 2007 มียอดทำกำไรมากขึ้น ทำให้ซันตง แอร์ไลน์สายการบินลูกของแอร์ ไชน่าประกาศว่าภายใน 5 ปีจะมีการซื้อโบอิ้ง 737 เพิ่มขึ้น 22 ลำ
ทั้งนี้ จากการวิจัยและประเมินของหลี่อั๋ง ซิเคียวริตี้ส์เมื่อเดือนก.ย. 2006 ได้ระบุว่า หากในแต่ละวันมีจำนวนคนที่บินตรงไปไต้หวัน 1,000 คน/ครั้ง ก็จะสามารถส้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้กับไต้หวันปีละ 614 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับมีจีดีพีเพิ่มขึ้น 0.7%