หลี่ เค่อเฉียงนั่งเก้าอี้เรียนงานจากนายกเวิน เจียเป่า

หลี่ เค่อเฉียงนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในวันจันทร์หลังสภาตรายางผู้แทนประชาชนแห่งชาติ รับรองตำแหน่ง นับเป็นการจ่อคิวเตรียมขึ้นเป็นนายใหญ่รัฐบาลแทนเวิน เจียเป่าซึ่งจะหมดวาระการเป็นนายกฯในปี 2013

นับเป็นการไต่บันไดการเมืองขึ้นไปอีกขั้นของหลี่วัย 52ปี หลี่เคยเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาเหลียวหนิงมณฑลยักษ์ใหญ่แห่งภาคอิสาน รัศมีผู้นำสูงสุดของเขาสว่างโร่ขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมหลังจากที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสมาชิกในคณะกรรมการประจำกรมการเมืองหรือโปลิตบูโร องค์กรตัดสินใจสูงสุดผู้ชี้ขาดทุกสิ่งอย่างในแผ่นดินจีน

หลี่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ ผู้คนในวงการต่างมองว่าเขาเป็นผู้อยู่ภายใต้การอุปภัมถ์ของประธานาธิบดีหู จิ่นเทาเป็นเวลาหลายปี เริ่มเข้าสู่วงการโดยทำงานให้กับสันนิบาตเยาวชนพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นฐานอำนาจของหูในปี 1982

หลี่เกิดที่มณฑลที่ยากไร้แห่งมณฑลอันฮุยแห่งภาคตะวันออก เมื่ออายุ 19 ปี ก็ถูกส่งไปชนบทระหว่างช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม เพื่อเข้ารับ “การศึกษาใหม่” จากชาวนา จากนั้น ก็เจริญรอยตามหู โดยขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งสันติบาตรเยาวชนพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 1993 ตอนนั้น เขาอายุ 38 ปี

เมื่อปี 1999 เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ว่ามณฑลที่อายุน้อยที่สุด โดยกินตำแหน่งผู้ว่ามณฑลเหอหนันเมื่ออายุ 43 ปี สืบเนื่องจากความดีความชอบ เป็นหัวหอกการพัฒนาเศรษฐกิจ และดึงดูดการลงทุนสู่ภูมิภาคตอนในที่ยากจน

กลุ่มนักวิเคราะห์เชื่อว่า หลี่คงจะไม่ได้รับพื้นที่พิเศษในความรับผิดชอบใดๆ เขาน่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลภาพรวมของแผนปฏิรูปของรัฐบาลอย่างกว้างๆ ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2020

ประวัติของหลี่มัวหมองไปตอนที่เขากินตำแหน่งในเหอหนัน สืบเนื่องจากกรณีอื้อฉาวที่ชาวนาจำนวนมากติดเชื้อเอดส์หลังขายเลือด และเมื่อไปเหลียวหนิง พลัน ก็เกิดหายนะเหมืองระเบิดครั้งมหากาฬ คนตายมากกว่า 200 คน

แต่ด้วยสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่น เขาก็อยู่เหนือมลทินอื้อฉาวที่ผ่านๆมา

หลี่เป็น 1 ใน รองนายกรัฐมนตรี 4 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสภาผู้แทนประชาชน สำหรับคนอื่นๆนั้น ได้แก่ อดีตนายกเทศมนตรีปักกิ่งหวัง ฉีซัน และจาง เต๋อเจียง อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขากว่างตง หุย เหลียงอี้ว์ สมาชิกจากชนชาติส่วนน้อยหุ่ย ซึ่งเป็นมุสลิมกลุ่มใหญ่ของประเทศจีน

กลุ่มนักสังเกตการณ์มองว่า ณ ตำแหน่งใหม่ของหลี่นี้ เขาไม่อาจพลั้งแปดเปื้อนมลทินใดๆ ทำให้ชื่อเสียอีก และกลุ่มผู้นำก็ตระเตรียมสร้างเกราะกันเปื้อนแก่เขาไว้แล้ว โจเซฟ เฉิง จากมหาวิทยาลัยซิตี้ในฮ่องกง อธิบายว่า ผู้นำจีนต้องการถนอมเขาไว้เป็นผู้นำพรรคฯ รุ่นที่ 5 ด้วยการปกป้องเขาจากปัญหาต่างๆ โดยการวางตัวผู้นำที่จะออกหน้ารับผิด ได้แก่ “หากมีอะไรผิดพลาดด้านการเงิน เป็นความรับผิดชอบของหวัง ฉีซัน ความผิดพลาดด้านการค้า เศรษฐกิจเป็นของจาง เต๋อเจียง ส่วนความเสียหายด้านเกษตรกรรมหรือภัยธรรมชาติเป็นของหุย เหลียงอี้ว์”