จีนเตรียมเพิ่มหมู น้ำมัน ธัญพืชสำรองในประเทศ

หนังสือพิมพ์สากล – กระทรวงพาณิชย์มังกรเผย เตรียมเพิ่มประเภทและปริมาณการสำรองอาหาร เพื่อประกันอุปทานพื้นฐานด้านอาหารหลักภายในประเทศ โดยประกาศเป็นภารกิจเบื้องต้นของปี 2008 เน้นการเพิ่มปริมาณสำรองหมู น้ำมัน และธัญพืช

แต่เดิมทางการจีนก็มีการสำรองทรัพยากรทางยุทธศาสตร์ของประเทศเช่นฝ้าย โลหะ หรือน้ำมันเอาไว้ อีกทั้งมีโกดังสำหรับสำรองอาหารหลักๆอาทิธัญพืช เนื้อหมู หรือน้ำมันพืช ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาเปิดเผยว่าจะมีการเพิ่มปริมาณสำรอง และจะมีการเพิ่มประเภทของทรัพยากรที่จะสำรองด้วย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตัวเลขเหล่านี้ถูกทางการจีนมองว่าเป็นความลับของประเทศ จึงไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดและปริมาณของทรัพยากรสำรองที่ชัดเจนออกมา

ที่ผ่านมาเรื่องการสำรองทรัพยากรของรัฐบาลปักกิ่ง เป็นที่จับตาของสื่อมวลชนต่างชาติเสมอมา ในยามที่หน่วยงานหลักๆของจีนต้องพยายามต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นไม่หยุด ก็ยังต้องระวัง ไม่ให้การควบคุมปริมาณอาหารที่นำเข้าจากต่างชาติเพิ่มขึ้นนั้นจะกลายเป็นประเด็นขัดแย้งกับนานาชาติ

นายเฉิน เต๋อหมิงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เปิดเผยต่อสภาผู้แทนประชาชนจีนว่า “ในปีที่ผ่านมา จีนมีการวางแผนจะนำเข้าเนื้อหมูในปริมาณหลายหมื่นตัน ทว่าสิ่งนี้จะส่งผลให้ราคาหมูในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ทำให้เราต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการ” นอกจากนั้นเฉินยังได้ระบุถึงว่า ในขณะที่จีนพิจารณาถึงการนำเข้าน้ำมันดิบ แร่ และธัญพืชนั้น ต้องพิจารณาถึงการรับมือกับอุปสงค์ในประเทศพร้อมกับหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งในระดับระหว่างประเทศด้วย

“ในสถานการณ์เช่นนี้ ทางเรายากที่จะใช้การแข็งค่าเงินหยวนหรือทุนสำรองเงินสกุลต่างประเทศไปใช้ซื้อทรัพยากรเหล่านี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายประเทศจะตำหนิว่าเราเป็นต้นเหตุทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น นอกจากนั้นราคาในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น ได้ทำให้จีนเองต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ สุดท้ายจะยิ่งทำให้สถานการณ์ของเรายิ่งสาหัสขึ้น” เฉินระบุ

นายเปา เค่อซินผู้จัดการใหญ่บริษัทบริหารธัญพืชสำรองแห่งประเทศจีนได้ระบุว่า “จีนยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้ราคาของธัญพืชภายในประเทศไม่ต้องรับผลกระทบจากราคาของนานนาชาติที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก”

ทั้งนี้ ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ราคาสินค้าอาหารของจีนสูงขึ้นถึง 23.3% สูงกว่าเดือนม.ค. ที่ราคาอาหารพุ่งขึ้น 18.2% จนเป็นตัวดันให้ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นตัววัดเงินเฟ้อของจีนพุ่งขึ้นไปที่ 8.7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 12 ปี