ชี้ธุรกิจเหล็กมังกรเข้าสู่ยุค “ต้นทุนสูง”

ซินหัวเน็ต – สมาคมเหล็กแห่งประเทศจีนชี้ ในขณะนี้ธุรกิจเหล็กของจีนเข้าสู่ยุคต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งจากวัตถุดิบ ค่าขนส่งและค่าแรง จนมีการปรับราคาสินค้าอยู่ตลอดตั้งแต่หลังเทศกาลตรุษจีน ด้านผู้ประกอบการชี้เป็นความท้าทาย ต้องเร่งปรับประสิทธิภาพในการผลิต และค้นหาแหล่งแร่ในประเทศเพิ่มเพื่อลดต้นทุน

ปัจจุบันราคาเหล็กจากทั่วโลกได้ถีบตัวพุ่งสูงขึ้น จนส่งผลให้วัตถุดิบเหล็กมีราคาสูงตามไปอย่างถ้วนหน้า สำหรับประเทศจีน ถ้าหากจะกล่าวว่าปี 2007 เนื้อสุกรถือเป็นตัวชูโรงของสินค้าที่ขึ้นราคา ในปีนี้ก็อาจเป็นได้ว่าจะเปลี่ยนมาเป็นวัตถุดิบเหล็กแทน

จากสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากตกลงซื้อราคาเหล็กจากยักษ์เหล็กโลกอย่างซีวีอาร์ดี ด้วยราคาที่สูงขึ้น 65% บริษัทเป่าสตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของจีน ก็ได้แถลงข่าวประกาศปรับขึ้นราคาเหล็กแต่ละประเภทในไตรมาสที่ 2 โดยเมื่อเทียบกับราคาในไตรมาสที่ 1 ผลิตภัณฑ์หลักอย่างเหล็กรีดร้อนและเหล็กรีดเย็นได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นถึง 800 หยวน / ตัน ในขณะที่ราคาเหล็กตัวอื่นๆนั้นก็ปรับราคาสูงขึ้นตั้งแต่ 500-800 หยวน / ตันเช่นกัน ซึ่งการปรับราคาดังกล่าว เป็นการปรับขึ้นสูงกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญคาดไว้ถึง 1 เท่าตัว

นอกจากนั้น ในบรรดาผู้ประกอบการผลิตเหล็กข้ออ้อยรายสำคัญ มีถึง 126 บริษัทที่รีบปรับราคาหน้าโรงงานอย่างเร่งด่วนหลังช่วงตรุษจีน โดยบางแห่งถึงกับปรับราคาไป 2-3 ครั้งในสัปดาห์เดียว ในขณะที่เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา สมาคมอุตสาหกรรมเหล็กแห่งประเทศจีนได้ประกาศชัดว่า ธุรกิจเหล็กในขณะนี้กำลังจะเข้าสู่ยุค “ต้นทุนสูง” ราคาเหล็กตลอดทั้งปีนี้จะเป็นไปในระดับบน

ในย่านชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงเหนือของปักกิ่ง ซึ่งเป็นแหล่งค้าเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่งนั้น แม้ว่าขณะนี้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงพีคของการขายเหล็ก ทว่าบรรยากาศในนี้กลับดูเงียบเหงา โดยหนึ่งในพนักงานบริษัทเหล็กแห่งหนึ่งได้ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงตรุษจีนเป็นต้นมา ราคาเหล็กของที่นี่ขึ้นราคามาไม่หยุด จนราคาแทบจะเปลี่ยนกันรายวัน

สาเหตุที่ราคาเหล็กพุ่งสูงขึ้นนั้น ผู้จัดการกัว จากบริษัทอี้ว์จิงซุ่นต๋า ที่ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเหล็กเพื่อการก่อสร้างได้ระบุว่า “สาเหตุของราคาเหล็กที่ทะยานขึ้นมีหลายประการ อย่างแรกคือราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น อย่างเช่นผงเหล็ก ถ่านโค้ก หรือแม้กระทั่งสแลปที่ในขณะนี้ก็มีราคาแพงมาก นอกจากนั้นค่าขนส่งก็ขึ้นราคา บวกกับภัยพายุหิมะทางใต้ ที่ทำให้ช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถขนส่งเหล็กจากทางใต้ และในขณะนี้ยังต้องขนส่งเหล็กจากทางเหนือลงใต้อีก ทำให้เกิดการขาดแคลนเหล็กในปักกิ่ง จนแทบไม่เหลือสำรองอยู่ในโกดังแล้ว”

ด้านคุณตู่ฮุ่ย นักวิเคราะห์ธุรกิจเหล็กได้เคยระบุไว้ว่า “การปรับขึ้นราคาที่มากเช่นนี้ของเป่า สตีล ได้ส่งสัญญาณว่าทางบริษัทเชื่อมั่นต่ออุปสงค์ความต้องการเหล็กในปีนี้เป็นอย่างมาก และเมื่อราคาของถ่านหินพุ่งสูงขึ้น ในไตรมาสที่ 3-4 เป่า สตีลอาจจะมีการปรับราคาเหล็กขึ้นอีกครั้ง”

สำหรับการรับมือกับปัญหาดังกล่าว บริษัทซัพพลายเอ้อเหล็กรายหนึ่งได้ระบุว่า “ราคาเหล็กในตลาดโลกได้ประกาศปรับตัวสูงขึ้น 65% สำหรับผู้ประกอบการในประเทศ ต้องถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ดังนั้นด้านหนึ่งจำเป็นจะต้องอาศัยการบริหารจัดการ เพื่อลดต้นทุน ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงาน อีกด้านหนึ่งเนื่องจากวัตถุดิบหลักยังต้องพึ่งพาจากต่างประเทศมากถึง 45% จึงต้องเร่งค้นหาแหล่งแร่ภายในประเทศ เพื่อสามารถรองรับความต้องการภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น”

ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา อุปสงค์การนำเข้าเหล็กในจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้มีผู้ประกอบการใหม่ๆเข้ามาแย่งชิงสัดส่วนในตลาด ทำให้เป่าสตีลเริ่มมุ่งไปวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผลิตสินค้าคุณภาพสูงออกมาจำหน่าย ซึ่งสินค้าเหล็กคุณภาพสูงเป่าสตีลเป็นผู้นำหรือจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวนี้ ในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายถึง 7.115 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2006 ถึง 40%