เอเยนซี - หลังจากตกลงซื่อแร่เหล็กจากซีวีอาร์ดี ในราคาที่สูงขึ้น 65% ล่าสุดเป่าสตีลได้สร้างความประหลาดใจให้กับคนในวงการด้วยการประกาศขึ้นราคาเหล็กสูงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าถึง 1 เท่าตัว ในขณะที่นักวิเคราะห์ชี้เป็นการใช้โอกาสทำกำไรเพิ่ม จากความมั่นใจในอุปสงค์เหล็กของจีน
บริษัทเป่าสตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของจีน ได้แถลงข่าวประกาศปรับขึ้นราคาเหล็กแต่ละประเภทในไตรมาสที่ 2 โดยเมื่อเทียบกับราคาในไตรมาสที่ 1 ผลิตภัณฑ์หลักอย่างเหล็กรีดร้อนและเหล็กรีดเย็นได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นถึง 800 หยวน / ตัน ในขณะที่ราคาเหล็กตัวอื่นๆนั้นก็ปรับราคาสูงขึ้นตั้งแต่ 500-800 หยวน / ตันเช่นกัน
โดยเมื่อวันศุกร์ (22 ก.พ.) เป่าสตีล เพิ่งจะตกลงซื้อแร่เหล็กจาก Companhia Vale do Rio Doce (ซีวีอาร์ดี) ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของโลกจากบราซิล ในราคาที่สูงกว่าเดิม 65% โดยตกลงซื้อสินแร่เหล็กสำหรับเซาท์เทิร์น ซิสเต็ม ที่ 118.98 เซนต์ต่อหน่วย และสินแร่เหล็กเกรดสูงกว่า จากเหมืองคาราจัส ของซีวีอาร์ดีในบราซิลในราคา 125.17 เซนต์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 71% จากปีที่แล้ว และมีระยะเวลาส่งมอบ 12 เดือน เริ่มวันที่ 1 เมษายนนี้ ซึ่งราคาดังกล่าวยึดตามราคาเบนช์มาร์กที่ผู้ผลิตเหล็กญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ตกลงไว้กับซีวีอาร์ดีเมื่อวันจันทร์(18 ก.พ.) เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ซึ่งหลังจากการซื้อครั้งดังกล่าว ได้ทำให้นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์กันว่า เป่าสตีล จะปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เหล็กในไตรมาส 2 ราว 10% หรือประมาณ 400 หยวนต่อตัน เพื่อให้สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากราคาถ่านหินและการขนส่งทางเรือเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าจากการประกาศล่าสุดนี้ กลับพบว่าเป่าสตีลได้ปรับขึ้นไปจากที่มีการคาดการณ์ไว้ถึงเท่าตัว
นักวิเคราะห์ได้มองว่าการปรับราคาในครั้งนี้ ได้สร้างความตื่นตระหนกกับคนในวงการไม่น้อย เพราะไม่เพียงแต่เป็นการผ่องถ่ายต้นทุนที่สูงขึ้นออกไปอย่างหมดสิ้น เป่าสตีลยังใช้โอกาสนี้เป็นเครื่องมือที่ทำให้สามารถมีกำไรต่อหน่วยเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ด้านคุณตู่ฮุ่ย นักวิเคราะห์ธุรกิจเหล็กได้ระบุว่า “การปรับขึ้นราคาที่มากเช่นนี้ของเป่า สตีล ได้ส่งสัญญาณว่าทางบริษัทเชื่อมั่นต่ออุปสงค์ความต้องการเหล็กในปีนี้เป็นอย่างมาก และเมื่อราคาของถ่านหินพุ่งสูงขึ้น ในไตรมาสที่ 3-4 เป่า สตีลอาจจะมีการปรับราคาเหล็กขึ้นอีกครั้ง”
ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา อุปสงค์การนำเข้าเหล็กในจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้มีผู้ประกอบการใหม่ๆเข้ามาแย่งชิงสัดส่วนในตลาด ทำให้เป่าสตีลเริ่มมุ่งไปวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผลิตสินค้าคุณภาพสูงออกมาจำหน่าย ซึ่งสินค้าเหล็กคุณภาพสูงเป่า สตีลเป็นผู้นำหรือจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวนี้ ในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายถึง 7.115 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2006 ถึง 40%
