เอเยนซี – บริษัทฝรั่งเจอลูกไม้แพรวพราวจีน ทำเอากิจการขาดทุนยับ ขนาดร่วมหุ้นกับวิสาหกิจรัฐ ยังเจอดี โดนชักดาบดื้อๆ ชี้มีตัวอย่างมาหลายรายแล้ว เตือนนักธุรกิจระวัง คิดให้ดีก่อนลงทุน อย่าหวังฟันกำไรในตลาดจีนจนหน้ามืด
สุเอซ กรุ๊ป บริษัทประปาฝรั่งเศสชื่อดังระดับโลก หวังฟันกำไรจากธุรกิจน้ำประปาจีน เล็งตลาดผู้บริโภค 312 ล้านคนยังขาดน้ำบริสุทธิ์สำหรับบริโภค ก่อนลงทุนเห็นกำไรชัดๆ อย่างไรเสียคนจีนต้องใช้น้ำประปาแน่ แถมยังร่วมหุ้นกับวิสาหกิจรัฐ เจรจาอย่างดี รับรองไม่ขาดทุน ทว่าเมื่อดำเนินกิจการไปสุเอซขาดทุนยับ แถมไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากใครได้ สุดท้ายตัดสินใจโบกมือลา เลหลังกิจการ หลังเจอพิษตลาดปราบเซียน
แม้การลงทุนของสุเอซ กรุ๊ปในจีน โดยส่วนมากค่อนข้างประสบความสำเร็จ ทว่าในเมืองซื่อผิง มณฑลจี๋หลินแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือจีน เหตุการณ์กลับตาลปัตรอย่างไม่น่าเชื่อ
ในเมืองซื่อผิง ซึ่งมีประชากรกว่า 3 ล้านคน บริษัทประปาฝรั่งเศสได้ทุ่มทุน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สร้างระบบให้บริการน้ำประปา ถึงแม้ว่าเงิน 3 ล้าน เมื่อเทียบกับโครงการในเมืองอื่นแล้ว นับว่าเป็นการลงทุนขนาดเล็ก แต่บทเรียนที่ได้จากซื่อผิงกลับมีค่ามหาศาล สำหรับธุรกิจยักษ์ที่หวังฟันกำไรจากตลาดจีน
ลูบหลังแล้วตบหัว
เช่นเดียวกับรัฐบาลท้องถิ่นทั่วไปของจีนในปลายทศวรรษ 1990 เทศบาลเมืองซื่อผิงก็อ้าแขน เปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ หวังยืมมือคนนอกลงทุนสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ที่รัฐไม่มีศักยภาพทั้งเงิน และความรู้ที่จะริเริ่มด้วยตนเองได้ ฉะนั้นเมื่อค.ศ. 2000 สุเอซ กรุ๊ป จึงได้โอกาสลงนามในสัญญาร่วมทุนกับเทศบาลเมืองซื่อผิง สร้างโรงประปาพร้อมระบบส่งน้ำ โดยเทศบาลให้คำมั่นว่า จะให้วิสาหกิจรัฐที่ทางเทศบาลตั้งขึ้นมาร่วมทุนกับสุเอซคือ ซื่อผิง มูนิซิปัล วอเตอร์ ซื้อน้ำประปาจากสุเอซ เป็นจำนวนที่แน่นอนทุกปี
นอกจากนี้ทางเทศบาลยังสัญญาว่า จะเร่งปราบบ่อบาดาลเถื่อนภายใน 3 ปี เนื่องจากบรรดาโรงงานอุตสาหกรรมในเมือง ต่างลักลอบขุดบ่อน้ำบาดาล เพื่อใช้น้ำฟรี ฉะนั้นการปราบปรามดังกล่าวจะช่วยบีบบังคับให้โรงงานต่างๆต้องหันมาพึ่งน้ำประปาจากสุเอซ ทว่าในความเป็นจริงรัฐบาลมิได้ทำตามที่สัญญา “อุตสาหกรรมจำนวนมาก ขุดบ่อบาดาลใช้เอง พวกเขาจึงมีทางเลือกที่จะไม่ซื้อน้ำจากเรา กำไรก็หดหายไปเรื่อยๆ” สตีฟ คลาร์ก ผู้บริหารของ ซิโน เฟรนซ์ วอเตอร์ เดเวลอปเมนต์เผย
หลังดำเนินการได้แค่เพียงปีเดียวคือปี 2001 ซื่อผิง มูนิซิปัล วอเตอร์ ก็เบี้ยว ชักดาบสุเอซ ด้วยเหตุผลว่า ทางซื่อผิงประสบปัญหาด้านการเงิน เมื่อปราศจากทุนทรัพย์ บริษัทร่วมทุน ซื่อผิง ซิโน เฟรนซ์ วอเตอร์ ซัพพลาย จึงไม่สามารถจ่ายภาษี ซ่อมแซมอุปกรณ์ และจ่ายค่าจ้างพนักงานได้
กระทั่งปัจจุบันสุเอซ ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปเอาผิด เรียกร้องความเสียหายกับใคร เนื่องด้วยในปี 2001 ทางเทศบาลเมืองซื่อผิงเริ่มปรับโครงสร้างวิสาหกิจให้กลายเป็นบริษัทเอกชน และทางเทศบาลเองก็ยักย้ายสินทรัพย์ของวิสาหกิจเดิม ไปยังบริษัทเอกชนที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อดูแลเรื่องน้ำชื่อว่า ซื่อผิง หลงหยวน วอเตอร์ บริษัทที่ตั้งขึ้นมาใหม่นี้ดำเนินการแข่งขันกับสุเอซ จนในที่สุดกิจการวิสาหกิจ ซื่อผิง มูนิซิปัล วอเตอร์ ผู้ร่วมทุน สัญญาซื้อน้ำจากสุเอซล้มละลายในปี 2006 พร้อมกับหนี้เน่าค้างสุเอซจำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทางด้านสุเอซเองพยายามทวงถาม เรียกร้องเงินที่ถูกเบี้ยวมานาน ทว่าครั้นไปเรียกร้องกับซื่อผิง หลงหยวน วอเตอร์ ก็ได้รับคำตอบว่า “เราไม่ได้ติดหนี้คุณ รัฐบาลเป็นคนสัญญากับคุณ ก็ไปทวงรัฐบาลซิ” หลิวเซี่ยวตง ผู้จัดการทั่วไปของซื่อผิง หลงหยวน วอเตอร์ กล่าว
ครั้นพยายามติดต่อนายกเทศมนตรี หรือตัวแทน สุเอซ กรุ๊ป ก็ไม่สามารถติดต่อบุคคลเหล่านี้ได้
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ที่จริงแล้วรัฐบาลไม่กล้าปราบ สั่งห้ามอุตสาหกรรมใช้น้ำบาดาล เนื่องจากังวลว่า บรรดาเจ้าของโรงงานจะย้ายกิจการหนีไปเมืองอื่น ที่เข้มงวดน้อยกว่า เพราะพวกเขาไม่อยากจ่ายเงินค่าน้ำ ซึ่งหมายถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ในระยะสั้นรัฐบาลท้องถิ่นหวังแก้ปัญหา ด้วยการจ่ายเงินชดเชยให้กับบริษัทซิโน เฟรนซ์ วอเตอร์ เดเวลอปเมนต์ “ทว่าเรายังไม่ได้จ่ายเงินให้กับบริษัทฝรั่งเศส พวกเขาจึงขัดเคือง” จางจื่อย่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสาธารณประโยชน์ของเทศบาลเผย
หลังอาศัยกำลังภายใน พยายามแก้ปัญหาอย่างเงียบๆ ผู้บริหารของสุเอซได้เข้าไปคุยกับผู้ว่าการมณฑลจี๋หลินเป็นการส่วนตัว ในที่สุดนายกเทศมนตรีซื่อผิงก็จัดการเจรจาแก้สัญญาธุรกิจน้ำประปาใหม่ แต่สุเอซก็ยังมิได้รับเงินคืนอยู่ดี
“จ่ายไม่ได้ กับไม่จ่าย ต่างกัน เมื่อก่อนพวกเขามีปัญหาด้านการเงิน เขาไม่จ่าย ผมเข้าใจ แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในฐานะที่จะจ่ายได้” คลาร์กกล่าวด้วยความขัดเคือง
น้ำท่วมปาก
ที่จริงแล้วสุเอซ สามารถอาศัยช่องทางด้านกฎหมายฟ้องร้องได้ ทว่าสถาการณ์แวดล้อมในจีนกลับมัดมือมัดเท้าสุเอซจนต้องก้มหน้ารับชะตากรรม เนื่องจากสุเอซร่วมทุนกับบริษัทประปาอื่นๆในจีนกว่า 21 ราย ฉะนั้นการฟ้องร้องดำเนินคดีอาจทำให้คู่หุ้นส่วนอื่นๆกังวล แถมรัฐบาลอาจจ้องสุเอซเป็นกรณีพิเศษ ในประเทศอย่างจีนหากต้องการทำธุรกิจต่อไป ภาพลักษณ์เป็นเรื่องสำคัญ หากรัฐบาลหรือหุ้นส่วนจีนมองด้วยสายตาหวาดระแวงเมื่อไร ก็เตรียมเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้
เรื่องราวของสุเอซนี้มิใช่ว่าเพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หลายบริษัทที่เข้าไปลงทุนในจีนต่างประสบปัญหาคล้ายๆกัน เฉพาะบริษัทที่เข้าไปลงทุนด้านน้ำประปา เธมส์ วอเตอร์ ยูทีลิตี้ส์ ของอังกฤษก็เคย ไชน่า วอเตอร์ ของฮ่องกง ก็เคยเจอมุขขำไม่ออกอย่างนี้มาก่อนแล้ว
หากโชคดีเทศบาลอาจซื้อกิจการที่ขาดทุนไป เช่นที่เทศบาลเซี่ยงไฮ้เข้าซื้อกิจการของเธมส์ในปี 2004 ซึ่งตอนนี้สุเอซก็ได้แต่หวังว่า จะขายกิจการให้กับเทศบาลซื่อผิงได้ในราคาที่พอรับได้
กรณีนี้ทำเอาสุเอซเอียน ไม่กล้าลงทุนในแถบภาคอีสานของจีนอีกเลย “ประสบการณ์ซื่อผิง ทำให้เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่า ควรลงทุนในบริเวณใด” คลาร์กกล่าว พร้อมกับชี้ว่า ทางบริษัทจะเน้นลงทุนบริเวณมณฑลชายฝั่งที่ร่ำรวยมากขึ้น แทนที่จะเข้าไปลงทุนในมณฑลที่มีฐานะยากจนกว่า เพราะบทเรียนแสนแพงครั้งนี้ทำเอาสุเอซเข็ดขยาด
เมื่อเดือนพฤศจิกายน ระหว่างที่ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี เยือนจีน สุเอซเพิ่งลงนามในสัญญากับทางเทศบาลเมืองขนาดใหญ่คือ เทียนจิน (เทียนสิน) และฉงชิ่งสำหรับการลงทุนในกิจการประปา
“กรณีฉาวครั้งนี้ เทศบาลซื่อผิงผิดพลาดครั้งใหญ่ พวกเขาทำให้นักลงทุนหมดความเชื่อมั่น ต่อไปใครจะไปกล้าลงทุนในซื่อผิง” เฉินจี่หนิง อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยนโยบายน้ำ มหาวิทยาลัยชิงหัวกล่าว