เอเจนซี – มาลาวียุติสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันที่คบค้ากันนานถึง 41 ปีก่อนโผเข้าสู่อ้อมกอดรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นพี่เบิ้มทางเศรษฐกิจที่สำคัญของแอฟริกา ด้านผู้นำไต้หวัน เฉินสุยเปี่ยน เปลี่ยนท่าทีต่อประเทศพันธมิตรที่เหลือ ประกาศสนับสนุนให้ทำการค้ากับแผ่นดินใหญ่ แต่ต้องรักษาสัมพันธ์ทางการทูตกันต่อ
โจซี่ บันด้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการต่างประเทศของมาลาวีให้สัมภาษณ์ที่เมืองหลวง Lilongwe เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “เราได้ตัดสินใจยุติสัมพันธ์กับไต้หวัน แล้วหันมาคบค้ากับแผ่นดินใหญ่แทนหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากจีน” ทั้งนี้ มาลาวีและไต้หวันนั้น ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการตั้งแต่ ค.ศ. 1966 เป็นต้นมา โดยมาลาวีเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในทวีปแอฟริกา
หลังสูญเสียประเทศพันธมิตรไปอีกหนึ่ง ล่าสุดผู้นำไต้หวันเฉินสุยเปี่ยนประกาศว่า เขาจะพยายามรักษาความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรอื่นๆ ที่เหลืออยู่ โดยจะสนับสนุนให้ประเทศเหล่านี้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างเป็นทางการกับแผ่นดินใหญ่ แต่ยังต้องรักษาความสัมพันธ์กับไต้หวันอยู่
“จะทำธุรกิจกับแผ่นดินใหญ่ คุณไม่จำเป็นต้องมีสถานทูต แค่มีสำนักงานพาณิชย์ก็พอแล้ว” เฉินสุยเปี่ยนกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ที่กัวเตมาลา หนึ่งในประเทศที่ยังรักษาสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอยู่
พร้อมกันนี้ยังแสดงความมั่นใจว่า พันธมิตรที่เหลืออยู่จะไม่ตีจากไต้หวันไปหาจีนแน่ เพราะเขาได้มีการพบปะกับพันธมิตรส่วนหนึ่งแล้ว และพวกเขายังยืนยันว่าจะกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันต่อ
ด้านกระทรวงต่างประเทศไต้หวันประกาศกร้าว ไต้หวันจะตัดสัมพันธ์กับมาลาวีทันที พร้อมแสดงท่าทีไม่พอใจที่จีนใช้เงื่อนไขทางการเงินเป็นเหยื่อ ล่อลวงให้พันธมิตรของไต้หวันตีตัวออกห่าง “น่าเสียใจมากที่รัฐบาลและผู้นำระดับสูงของมาลาวีไม่เคารพคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับรัฐบาลของเรา และตกอยู่ใต้อำนาจอันชั่วร้ายของจีน” กระทรวงต่างประเทศกล่าว
ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวครั้งนี้สะท้อนถึงความล้มเหลวเชิงการทูตของไต้หวัน โดยปัจจุบันไต้หวันเหลือประเทศ/ดินแดนที่เป็นพันธมิตรด้วยเพียง 23 แห่งเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศขนาดเล็กและยากจนแถบละตินอเมริกา แอฟริกา และเซ้าท์ แปซิฟิก
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนได้ยืนยันผ่านเว็บไซต์ว่า ปักกิ่งได้สถาปนาความสัมพันธ์กับมาลาวี โดยระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวลงนามเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมปีที่แล้วที่ปักกิ่ง พร้อมรูปประกอบซึ่งเป็นภาพของรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นายหยางเจี๋ยฉือ กำลังจับมือกับทางการของมาลาวี
ก่อนหน้านี้สื่อไต้หวันและมาลาวีได้เคยรายงานข่าวว่า รัฐบาลของสาธารณรัฐมาลาวี ประเทศแถบแอฟริกาใต้ได้ยกเลิกการประชุมกับผู้แทนจากไต้หวัน ซึ่งรายงานครั้งนั้นได้สร้างกระแสการคาดการณ์ว่า มาลาวีอาจสะบั้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันตามความต้องการของปักกิ่ง โดยจีนมองไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ และพยายามโดดเดี่ยวไต้หวันทางการทูต โดยเสนอความช่วยเหลือด้านเงินทองกับพันธมิตรของไต้หวันเป็นระยะๆ
ทั้งนี้ ไต้หวันและจีนเริ่มเป็นปรปักษ์ต่อกันตั้งแต่สงครามกลางเมืองระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนและก๊กมินตั๋งเมื่อปี ค.ศ.1949 จนกระทั่งเจียงไคเช็ก ผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งในขณะนั้น ถอยร่นมาตั้งรัฐบาลใหม่ที่ไต้หวัน และประกาศตัวเป็นประเทศที่มีเอกราชอธิปไตยเป็นของตนเอง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไต้หวันเริ่มสูญเสียมิตรประเทศให้แก่แผ่นดินใหญ่ไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเทศแถบแอฟริกา
โดยรัฐบาลปักกิ่ง และบริษัทวิสาหกิจรัฐทั้งหลายลงถึงหลายพันล้านในกาฬทวีป เพื่อประกันแหล่งทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ประเทศซึ่งเศรษฐกิจนับวันยิ่งเติบโต และแผ่ขยายอิทธิพลทางการเมืองเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนาแล้ว
โจซี่ บันด้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการต่างประเทศของมาลาวีให้สัมภาษณ์ที่เมืองหลวง Lilongwe เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “เราได้ตัดสินใจยุติสัมพันธ์กับไต้หวัน แล้วหันมาคบค้ากับแผ่นดินใหญ่แทนหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากจีน” ทั้งนี้ มาลาวีและไต้หวันนั้น ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการตั้งแต่ ค.ศ. 1966 เป็นต้นมา โดยมาลาวีเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในทวีปแอฟริกา
หลังสูญเสียประเทศพันธมิตรไปอีกหนึ่ง ล่าสุดผู้นำไต้หวันเฉินสุยเปี่ยนประกาศว่า เขาจะพยายามรักษาความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรอื่นๆ ที่เหลืออยู่ โดยจะสนับสนุนให้ประเทศเหล่านี้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างเป็นทางการกับแผ่นดินใหญ่ แต่ยังต้องรักษาความสัมพันธ์กับไต้หวันอยู่
“จะทำธุรกิจกับแผ่นดินใหญ่ คุณไม่จำเป็นต้องมีสถานทูต แค่มีสำนักงานพาณิชย์ก็พอแล้ว” เฉินสุยเปี่ยนกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ที่กัวเตมาลา หนึ่งในประเทศที่ยังรักษาสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอยู่
พร้อมกันนี้ยังแสดงความมั่นใจว่า พันธมิตรที่เหลืออยู่จะไม่ตีจากไต้หวันไปหาจีนแน่ เพราะเขาได้มีการพบปะกับพันธมิตรส่วนหนึ่งแล้ว และพวกเขายังยืนยันว่าจะกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันต่อ
ด้านกระทรวงต่างประเทศไต้หวันประกาศกร้าว ไต้หวันจะตัดสัมพันธ์กับมาลาวีทันที พร้อมแสดงท่าทีไม่พอใจที่จีนใช้เงื่อนไขทางการเงินเป็นเหยื่อ ล่อลวงให้พันธมิตรของไต้หวันตีตัวออกห่าง “น่าเสียใจมากที่รัฐบาลและผู้นำระดับสูงของมาลาวีไม่เคารพคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับรัฐบาลของเรา และตกอยู่ใต้อำนาจอันชั่วร้ายของจีน” กระทรวงต่างประเทศกล่าว
ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวครั้งนี้สะท้อนถึงความล้มเหลวเชิงการทูตของไต้หวัน โดยปัจจุบันไต้หวันเหลือประเทศ/ดินแดนที่เป็นพันธมิตรด้วยเพียง 23 แห่งเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศขนาดเล็กและยากจนแถบละตินอเมริกา แอฟริกา และเซ้าท์ แปซิฟิก
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนได้ยืนยันผ่านเว็บไซต์ว่า ปักกิ่งได้สถาปนาความสัมพันธ์กับมาลาวี โดยระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวลงนามเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมปีที่แล้วที่ปักกิ่ง พร้อมรูปประกอบซึ่งเป็นภาพของรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นายหยางเจี๋ยฉือ กำลังจับมือกับทางการของมาลาวี
ก่อนหน้านี้สื่อไต้หวันและมาลาวีได้เคยรายงานข่าวว่า รัฐบาลของสาธารณรัฐมาลาวี ประเทศแถบแอฟริกาใต้ได้ยกเลิกการประชุมกับผู้แทนจากไต้หวัน ซึ่งรายงานครั้งนั้นได้สร้างกระแสการคาดการณ์ว่า มาลาวีอาจสะบั้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันตามความต้องการของปักกิ่ง โดยจีนมองไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ และพยายามโดดเดี่ยวไต้หวันทางการทูต โดยเสนอความช่วยเหลือด้านเงินทองกับพันธมิตรของไต้หวันเป็นระยะๆ
ทั้งนี้ ไต้หวันและจีนเริ่มเป็นปรปักษ์ต่อกันตั้งแต่สงครามกลางเมืองระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนและก๊กมินตั๋งเมื่อปี ค.ศ.1949 จนกระทั่งเจียงไคเช็ก ผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งในขณะนั้น ถอยร่นมาตั้งรัฐบาลใหม่ที่ไต้หวัน และประกาศตัวเป็นประเทศที่มีเอกราชอธิปไตยเป็นของตนเอง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไต้หวันเริ่มสูญเสียมิตรประเทศให้แก่แผ่นดินใหญ่ไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเทศแถบแอฟริกา
โดยรัฐบาลปักกิ่ง และบริษัทวิสาหกิจรัฐทั้งหลายลงถึงหลายพันล้านในกาฬทวีป เพื่อประกันแหล่งทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ประเทศซึ่งเศรษฐกิจนับวันยิ่งเติบโต และแผ่ขยายอิทธิพลทางการเมืองเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนาแล้ว
