เอเยนซี - เมื่อวันพฤหัส (3 ม.ค.) เด็กน้อย 9 ชีวิตที่ถูกลักพาตัวไป จากมณฑลเหอหนัน ได้กลับสู่บ้านอันอบอุ่นราวปาฏิหาริย์ ทั้งที่ปกติกรณีลักพาตัวเด็กในจีนมักจบลงด้วยความเศร้า รันทดของ พ่อแม่ที่มิสามารถยลโฉมลูกได้อีกเลย เนื่องจากอัตราเฉลี่ยของคดีลักพาตัวเด็กและผู้หญิงในจีนสูงถึง 3,000 คดีต่อปี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตำรวจจีนได้รวบตัว 10 ผู้ต้องสงสัย กรณีลักพาตัวเด็กในเหอหนัน ประกอบด้วยหัวหน้าแก็งนาม เยี่ยเจิงซีวัย 55 ปี พร้อมด้วยสมาชิกครอบครัว คือ น้องชาย และลูกสะใภ้ โดยแก็งมิจฉาชีพดังกล่าวใช้ หลานของเยี่ย ซึ่งมีอายุเพียง 12 ปี เป็นเครื่องมือในการล่อลวงเด็กน้อยเพศชายทั้ง 9 คนซึ่งมีอายุระหว่าง 2 – 8 ปี
หลานของเยี่ยจะเข้าไปเล่นกับเหยื่อพร้อมกับของเล่น และอาหารเป็นเครื่องล่อ พอเหยื่อเผลอก็จะถูกรวบตัว ฉวยขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ ที่จะบึ่งพาเด็กไปขายทอดตลาด โดยไม่มีวันได้เห็นหน้าครอบครัวอีก
ทั้งนี้สถานการณ์ลักพาตัวเด็กในจีนเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นรุนแรง เนื่องจากแต่ละปีจะมีกรณีลักพาตัวเฉลี่ย 3,000 คดี ตัวเลขทางการของกระทรวงพิทักษ์สันติราษฏร์เผยว่า ในปี 2006 มีคดีลักพาตัวเด็ก 2,500 คดี ทว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงคดีที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ฉะนั้นคาดว่าสถิติจริงอาจจะสูงกว่านี้หลายเท่าตัว!
ค่านิยมทางเพศในสังคมจีนที่เชิดชูบุรุษเพศมากกว่าสตรี บวกกับนโยบายลูกคนเดียวที่ใช้มาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ทำให้เด็กเพศชายเป็นที่ต้องการมาก เมื่อความต้องการในตลาดสูง จึงเปิดช่องให้มิจฉาชีพหัวใสดำเนินธุรกิจค้าเด็กชาย เพราะการสืบสกุลของจีนเน้นการสืบสกุลผ่านสายบิดา ฉะนั้นวงศ์ตระกูลจะดำเนินต่อไปได้ก็ด้วย ลูกชายเท่านั้น ส่วนลูกสาวเมื่อแต่งงานออกไปก็กลายเป็นคนนอก เป็นสมาชิกของอีกครอบครัวหนึ่ง ไม่ได้มีตัวตนอยู่ในสายตระกูลของพ่อแม่
อย่างไรก็ตามสถานการณ์คดีลักพาตัวในปัจจุบันกลับซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม ด้วยการลักพาตัวเพศหญิงทั้งที่เป็นเด็ก และที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ก็เพิ่มจำนวนสูงขึ้นตาม เนื่องจากนโยบายลูกคนเดียวทำให้ประชากรชายมากกว่าหญิง โดยคิดเป็นสัดส่วนการเกิดของเด็กชาย 119 คน ต่อเด็กหญิง 100 คน ฉะนั้นชายจีนจำนวนมาก จึงต้องแก่งแย่งศึกชิงเจ้าสาว เพื่อให้ได้สืบสกุล เพื่อให้ได้ภรรยา บรรดาว่าที่สามีและครอบครัวสามีทั้งหลายต่างก็ใช้สารพัดวิธีการ รวมไปถึงการซื้อเจ้าสาวด้วย
โดยเด็กหญิงจะถูกลักพาตัวมาขาย และถูกซื้อไปให้บรรดาเสี่ยไร้คู่ทั้งหลาย เลี้ยงต้อยจนโตถึงวัยหนึ่งก็จะถูกจับแต่งงาน ส่วนสาวที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์แล้ว ก็นับเป็นสินค้าพร้อมใช้ ที่ถูกลักพาตัวมาขายเช่นเดียวกัน ความบ้าคลั่งนี้ไปไกลถึงขนาดมีการซื้อศพหญิงสาวมาเป็นคู่ให้กับบุตรชายที่ลาโลกก่อนวัยอันควร เนื่องจากลักษณะวัฒนธรรมจีนที่เน้นชายเป็นใหญ่ ลูกสาวมิได้เป็นของพ่อแม่ เธอจึงต้องแต่งงานให้กำเนิดทายาทของตนเองเสียก่อน จึงจะนับได้ว่ามี “ตัวตน” ในวงศ์วานของฝ่ายชาย ผู้หญิงที่ตายโดยมิได้แต่งงานจึง “ไร้ตัวตน” ขณะที่ฝ่ายช่ายก็เชื่อว่า ชีวิตโสดเป็นชีวิตที่ขาดความสมบูรณ์
ฉะนั้น บรรดาบุพการีจึงพากันกังวลว่า บุตรที่ละโลกขณะยังไร้คู่ชีวิตอาจไม่มีความสุข การแต่งงานหลังความตายจึงกลายเป็นอีกเรื่องสำคัญ สำหรับครอบครัวฝ่ายหญิงและฝ่ายชายที่ลูกละโลกขณะยังโสด
อย่างไรก็ตามปัญหาหนักอกของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ คือการลักพาตัวเด็กและผู้หญิงมีทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเดือนธันวาคม 2007 รัฐบาลต้องออกประกาศแผน 5 ปี เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
ซุนโจวหลี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีบทบาทในกรณีลักพาตัวเผยว่า “เด็กแต่ละคนมีค่าตัวถึง 20,000 หยวน” ซึ่งนับว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อปีของคนเมืองและชนบทที่ 13,800 และ 4,300 หยวนตามลำดับ
เมื่อหลู่ฟู่จิน บิดาของเด็กชาย 2 คนที่ถูกลักพาตัวไปได้พบหน้าลูกของเขา ทั้งสองต่างพยามสวมกอดซึ่งกันและกันอย่างสุดอ้อมแขน โดยทารกน้อยวัย 2 ขวบพยายามกอดพ่อของเขาด้วยการเหยียดแขนเล็กๆสุดตัวเท่าที่จะทำได้
“มีกระแสอาชญากรรมใหม่ๆเกิดขี้น...อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวผู้หญิงและเด็ก ซึ่งสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีเลย” รัฐบาลกล่าว
