แอร์ไชน่ารุกหนัก งัดข้อสิงค์แอร์ สิงคโปร์เสียว อดหุ้นการบินจีน

เอเยนซี – จีนกลับลำไล่บี้สิงคโปร์ แอร์ไชน่า รุกหนัก ค้านดีลไชน่า อีสเทิร์น-สิงคโปร์ แอร์ไลน์ กดดันสัญญาไม่ยุติธรรม พร้อมเล่นเกมส์การเมือง ปักกิ่งแต่งตั้งประธานแอร์ ไชน่า หลี่เจียเซียงเป็นรัฐมนตรีกรมการบินพลเรือนแห่งชาติ (มีศักดิ์เท่ากระทรวงขึ้นตรงต่อครม.) กดดันสิงคโปร์ ส่อแววดีลไชน่า อีสเทิร์น อาจสะดุด

แหล่งข่าวใกล้ชิดเผย ไชน่า เนชั่นแนล เอวิเอชั่น โฮลดิ้ง ซึ่งดำรงสถานะบริษัทแม่ของแอร์ไชน่า และถือหุ้นรายย่อยของไชน่า อีสเทิร์น เล็งออกเสียงค้านดีลจำหน่ายหุ้น 24% ของไชน่า อีสเทิร์นให้แก่สายการบินแดนลอดช่อง และบริษัทการลงทุน เทมาเส็กรวมมูลค่า 7,200 ล้านเหรียญฮ่องกง (27,323 ล้านบาท)

เนื่องจากปักกิ่งเริ่มเปลี่ยนท่าทีต่อดีลดังกล่าว ขณะเดียวกันแอร์ ไชน่าเองก็ต้องการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบินจีน ซึ่งได้รับการส่งสริมจากรัฐในการแข่งขันกับบริษัทต่างชาติที่รุกเข้ามาในตลาดจีน โดยไชน่า เนชั่นแนล เอวิเอชั่น โฮลดิ้ง บริษัทแม่ของแอร์ไชน่า กล่าวค้านดีลไชน่า อีสเทิร์น-สิงคโปร์ แอร์ไลน์ ในแถลงการณ์ว่า “ไม่สะท้อนราคา ที่ยุติธรรมสำหรับมูลค่าแท้จริงของไชน่า อีสเทิร์น” นอกจากนี้แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า ข้อกำหนดอื่นๆในข้อตกลงอาทิ สิทธิป้องกันการเปลี่ยนค่าของกำไรต่อหุ้น และมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ลงทุนใช้สิทธิในตราสารที่สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ และการไม่แข่งขันซึ่งกันและกัน เป็นประเด็นที่ไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ถือหุ้นของไชน่า อีสเทิร์นรายอื่นๆ

ตั้งแต่บรรลุข้อตกลงที่ผู้ลงทุนสิงคโปร์จะควักกระเป๋าจ่ายเงิน 3.8 เหรียญฮ่องกง (14.4 บาท) ต่อหุ้น มูลค่าหุ้นของไชน่า อีสเทิร์นได้พุ่งทะยานขึ้นหลายเท่า โดยราคาปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (31 ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 6.2 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 7.70 เหรียญฮ่องกง (29.22 บาท) ต่อหุ้น

การค้านดีลอย่างสุดตัวของไชน่า แอร์ครั้งนี้ นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เนื่องจากตามปกติ ข้อตกลงระหว่างวิสาหกิจจีนกับบริษัทต่างชาติ ที่ได้รับอนุมัติจากครม.เรียบร้อยแล้ว มักดำเนินไปย่างสะดวก ฉะนั้นการอออกมาค้านของไชน่าแอร์ครั้งนี้ จึงเป็นการสะท้อนว่า หน่วยงานของรัฐบาลจีนเริ่มเปลี่ยนทัศนติต่อดีลซื้อขายดังกล่าว ซึ่งทัศนคติที่เปลี่ยนไปนี้สะท้อนออกมาอย่างชัดเจน จากเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ (29 ธ.ค.) ที่ปักกิ่งแต่งตั้งประธานแอร์ ไชน่า หลี่เจียเซียงเป็นรัฐมนตรีกรมการบินพลเรือนแห่งชาติ

นอกจากนี้ในแถลงการณ์ของบริษัทแม่ แอร์ไชน่า ยังระบุว่า “ไชน่า เนชั่นแนล เอวิเอชั่น โฮลดิ้ง อาจพิจารณายื่นข้อเสนอซื้อหุ้นจากไชน่า อีสเทิร์น เพื่อเข้าไปมีบทบาทในการควบคุมมากกว่านี้”

โฆษกสิงคโปร์ แอร์ไลน์ สตีเฟน ฟอร์ชอว์ โต้ว่า “ข้อตกลงระหว่างสิงคโปร์กับไชน่า อีสเทิร์นมีความยุติธรรม และได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย ดีลครั้งนี้จะให้ประโยชน์กับไชน่า อีสเทิร์น เราเป็นหุ้นส่วนระยะยาว ไม่ใช่นักลงทุนระยะสั้น ข้อตกลงนี้จะเป็นการเริ่มหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างสิงคโปร์ แอร์ไลน์ กับ ไชน่า อีสเทิร์น ซึ่งจะทำให้ไชน่า อีสเทิร์นมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ไชน่า อีสเทิร์น กับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ยังคงต้องลุ้นสู้ศึกกับแอร์ ไชน่า และเดาใจรัฐบาลจีนว่าจะเปลี่ยนไปไหม โดยฤกษ์ชี้ชะตาของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ คือวันที่ 8 มกราคม ซึ่งผู้ถือหุ้นของไชน่า อีสเทิร์น จะออกเสียงรับหรือค้านดีลดังกล่าว หากสิงคโปร์ แอร์ไลน์ต้องการสมหวัง อย่างน้อยก็ต้องภาวนาให้ผู้ถือหุ้น 2 ใน 3 ของไชน่าอีสเทิร์นในตลาดฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ ออกเสียงรับดีลดังกล่าว