หนังสือ “แฉ” ราชวงศ์อังกฤษ พระนิพนธ์ในเจ้าชายแฮร์รี่ ที่มีเนื้อหาเล่าเรื่องราวในช่วงที่พระมารดา อย่าง เจ้าหญิงไดอาน่า ยังคงพระชนม์ชีพ แม้จะถูกโรคเลื่อนการตีพิมพ์ออกไป เนื่องเพราะทรงติดสัญญาภาพยนตร์กับเน็ตฝลิกส์อยู่ก่อน แต่ก็มีการพูดถึง ทวงถามกันอีกครั้ง หลังจากสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบท ที่ 2 ทรงออกแถลงการณ์เรื่องพระประสงค์จะให้คามิลล่าเป็นราชินี เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ขึ้นเป็นกษัตริย์
บรรดาพระสหายในเจ้าชายแฮร์รี่ ต่างก็ออกมาเตือนพระองค์ ให้ล้มเลิกโปรเจ็คต์หนังสือเล่มนี้ไปเสียดีกว่า แล้วหันมาแสดงความยินดีกับพระมารดาเลี้ยงที่จะได้เป็นราชินีในอนาคต
ดยุคแห่งซัสเซกซ์ ทรงเตรียมที่จะพิมพ์หนังสือบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษ โดยเซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์เพนกวิน มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะมีนักเขียนรางวัลพูลิตเซอร์ เจอาร์ โมเอห์ริงเกอร์ มาเป็น “โกสต์ไรเตอร์”
ทั้งสมเด็จพระราชินีอังกฤษ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าชายวิลเลียม ต่างก็ทรงไม่ทราบว่า ทีมงานหนังสือที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อนี้ ได้ทำงานกันมาเป็นปีๆ แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์อังกฤษ กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้จะจุกชนวนความร้อนแรงในความสัมพันธ์ ระหว่างดยุคแห่งซัสเซกซ์ และราชวงศ์อังกฤษอีกครั้ง
เจ้าชายแฮร์รี่ทรงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก หลังจากที่พระองค์ทรงนิ่งเฉยต่อข่าวที่คามิลล่าจะขึ้นเป็นราชินีในอนาคต ซึ่งตามมารยาทแล้วควรจะต้องทรงออกมาแสดงความยินดีกับพระมารดาเลี้ยง
อย่างไรก็ตาม เจ้าชายแฮร์รี่จะเสด็จกลับมาทรงรวมงานเฉลิมฉลองในวโรกาสครองราชย์ครบ 70 ปี ในช่วง 2-5 มิถุนายนนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่า เมแกน มาร์เคิล กับลูกๆ ทั้ง 2 คน จะโดยเสด็จด้วยหรือไม่
แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่พระนิพนธ์หนังสือยังดำเนินต่อไป “มันมีมูลค่ามหาศาล เมื่อเขียนหนังสือแล้วได้เงินเป็นล้านๆ ก็ต้องคิดหนักล่ะที่จะยกเลิก การเขียนเล่าความรู้สึกที่มีต่อครอบครัว ความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาน สิ่งที่รู้สึกลึกๆ ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรหรอก แต่ก็ควรที่จะเคารพต่อสถาบันครอบครัวตัวเองด้วยเช่นกัน” พระสหายรายหนึ่งกล่าว
พระนิพนธ์บันทึกความทรงจำ จะเล่าเรื่องสมัยทรงพระเยาว์ในเจ้าชายแฮร์รี่ ไปจนถึงช่วงที่ทรงไปเป็นทหาร และการอภิเษกสมรสกับนักแสดงอเมริกัน เมแกน มาร์เคิล พวกเขาเริ่มงานกันตั้งแต่ฤดูร้อนที่แล้ว กับเพนกวิน แรนดอม เฮาส์
เจ้าชายแฮร์รี่ตรัสในวันแถลงข่าวว่า “ที่เราเขียนหนังสือไม่ใช่เพราะเราเป็นเจ้าชาย แต่เขียนในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง”